Skip to main content
sharethis

15 มี.ค.2562 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (14 มี.ค.62) ที่ห้องประชุมรัชนี สมาคมสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เครือข่ายองค์กรพุทธศาสนา นำโดย สมาคมความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งมี ศ.นพ.ยงยุทธ วัชรดุลย์ นายกสมาคมฯ จัดเสวนาในหัวข้อ “ความมั่นคงของพระพุทธศาสนา” โดยมีนักวิชาการและผู้แทนพรรคการเมืองกว่า 11 พรรค เข้าร่วมแลกเปลี่ยน พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์และนโยบายเกี่ยวกับความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ 11 ตัวแทนพรรคการเมือง ประกอบด้วย 1. รัฐชทรัพย์ นิชิด้า พรรคชาติไทยพัฒนา 2. พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค พรรคไทรักธรรม 3. นพ.มโน เลาหวณิช พรรคประชาชนปฏิรูป 4. แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคประชาธิปัตย์ 5. ภัทรพงษ์ พลเสน พรรคประชาภิวัฒน์ 6. กรณ์ มีดี พรรคแผ่นดินธรรม 7. พล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ พรรคพลังชาติไทย 8.ดร.ณพลเดช มณีลังกา พรรคเพื่อชาติ 9. ดร.ลีลาวดี วัชโรบล พรรคเพื่อไทย 10. ดร.กมล รอดคล้าย พรรคภูมิใจไทย และ 11. ดร.อนุกูล แพรไพศาล พรรคเสรีรวมไทย

ขณะที่ตัวแทนภาควิชาการประกอบด้วย ศ.ดร.ฐาปนา บุญหล้า เลขาธิการสมาคมความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ดร.อำนาจ บัวศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม

ศ.ดร.ฐาปนา กล่าวว่า พระพุทธศาสนา มีภัยทั้งภายนอกและภายใน อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่าเราต้องเอาทุกศาสนามาพัฒนาประเทศ และเราควรให้ความสำคัญกับนักการเมืองซึ่งเป็นเหมือหัวขบวน อีกทั้ง ศาสนาพุทธจะมั่นคงได้ต้องปฏิบัติธรรมะที่แท้จริง คือ ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส

ส่วน ดร.อำนาจ ระบุว่า การจะส่งเสริมให้ศาสนาพุทธมั่นคง พุทธบริษัทมีส่วนสำคัญ คือต้องเข้าใจ เข้าถึง และนำไปปฏิบัติ ซึ่งพุทธศาสตร์สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกศาสตร์ ขณะนี้ตนอยู่ในสภาการศึกษา กำลังทำคู่มือครอบครัวให้กับประชาชน รวมถึงอยากส่งเสริมการศึกษาพระอภิธรรม ที่สำคัญคือฝ่ายบ้านเมืองสามารถช่วยได้ ด้วยการออกกฎหมาย และการวางนโยบายของประเทศ

ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า ศาสนาพุทธมีภัยอย่างชัดเจน อย่างการนำกฎหมายปุถุชน มาจัดการกับพระผู้ใหญ่และวัดต่าง ๆ จึงอยากฝากประชาชนช่วยเลือกคนที่เป็นชาวพุทธให้เข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในสภา ขณะที่คณะสงฆ์จะต้องปกป้องตัวท่านเองด้วย

รัฐชทรัพย์ ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สถาบันหลักของเราคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกพรรคต้องใช้ปัญญาร่วมกัน ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาจะเน้นด้านการให้การศึกษาเพื่อปลูกฝังแนวคิดด้านศาสนาแก่ประชาชน

พีระวิทย์ ตัวแทนจากพรรคไทรักธรรม ระบุว่า ต้องยอมรับว่าขณะนี้มีความเหลื่อมล้ำทางศาสนา เช่น พระใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้  พรรคไทรักธรรม จะส่งเสริม พ.ร.บ.นมัสการสังเวชนียสถานทั้ง 4 เพื่อเสริมสร้างศีลธรรมพื้นฐานโดยเฉพาะแก่ผู้นำทางการเมือง ผลักดัน พ.ร.บ.พุทธบุรี คล้ายสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อปี 2487 โดยสร้างศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในแต่ละจังหวัด

ด้าน นพ.มโน พรรคประชาชนปฏิรูป ได้เน้นย้ำนโยบายน้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า ผู้เป็น “จิตอาสาคนแรกของโลก” และจะชูจุดเด่นของพระพุทธศาสนาซึ่งถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรม อีกทั้ง จะใช้ Big Data รวบรวมการทำความดีของประชาชนตั้งแต่เล็กจนโต เพื่อส่งเสริมระบบจิตอาสาให้เป็นรูปธรรม อันเป็นการพัฒนาสังคมพุทธในประเทศไทย ที่สำคัญคือการส่งเสริมสิทธิสตรีในพระพุทธศาสนาด้วย

แทนคุณ จากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นโยบายของพรรคจะเน้นการศึกษาที่มีหลักสูตรวิปัสสนา ส่งเสริมพระให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำ พัฒนาหลักสูตรพัฒนาจิตระดับสูง รวมถึงการทำความเข้าใจต่อทุก ๆ ศาสนา และการทำให้สังคมหลุดพ้นจากกระแสวัตถุนิยม กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นโดยใช้หลัก “บวร” ที่จะให้ชาวบ้านร่วมกันตรวจสอบความโปร่งใสของเงินบริจาคและคุณภาพผู้ต้องการบวช ส่งเสริมการเพิ่มระยะเวลาบวช รวมถึงนโยบายส่งเสริมสื่อธรรมะ เพิ่มพื้นที่สีเขียว จัดการฌาปนกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมศาลศาสนา และการดำเนินคดีพระห้ามมีภาพตอนถูกจับสึก นอกจากนี้ จะให้นักการเมืองอาราธนาศีล 5 ด้วย

ส่วนพรรคประชาภิวัฒน์ โดย ภัทรพงษ์ กล่าวว่า ภารกิจของพรรคคือจะผลักดันให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก สร้างความเข้มแข็งให้พุทธบริษัท4 และวางโครงสร้างดูแลพระพุทธศาสนาให้เป็นระบบ

กรณ์ จากพรรคแผ่นดินธรรม ระบุว่า สโลแกนของพรรค คือ ศีลธรรมนำชาติ คณะกรรมการพรรคล้วนเป็นมหาเปรียญ โดยสาเหตุที่เข้ามาสู่การเมืองก็เพราะเห็นภัยศาสนา ทั้งนี้ ศาสนาพุทธต้องอาศัย 2 อย่างคือ การส่งเสริม และการปกป้อง ที่ผ่านมาเรามีแต่การส่งเสริมแต่ไม่ปกป้อง เช่น สถานีวิทยุของวัดถูกปิด พระถูกไล่ออกจากป่า กรณีปิดวัดพระธรรมกาย กรณี พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ดังนั้น พรรคแผ่นดินธรรมมีนโยบายมากมายที่จะมาแก้ปัญหาเหล่านี้ เป็นต้นว่า การผลักดันให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ธนาคารพุทธ และเปิดสอนวิชาสมาธิ เป็นต้น

พล.ต.ทรงกลด หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย กล่าวว่า พรรคจะเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การหาเงินเข้าประเทศและแก้ปัญหาหนี้สินชาวบ้าน เช่น การขุดคลองไทย การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร การทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางศาสนาเหมือนนครเมกกะ จะนำมาซึ่งรายได้มหาศาล อันเป็นการสร้างความมั่นคงทางปากท้อง ทั้งนี้ เมื่อกินอิ่มนอนหลับ แล้วศีลธรรมจะเกิด และจะสนับสนุนปัจจัยให้พระสงฆ์ ไม่ขาดตกบกพร่องด้วย

ดร.ณพลเดช จากพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เราเน้นนโยบายทลายกำแพงใจ ตอนนี้เรามีความขัดแย้งระหว่างกัน ทำให้เกิดความไม่มั่นคง ดังนั้น พรรคจะนำไต้หวันโมเดล ที่วัดใหญ่ๆ สามารถสนับสนุนงานซึ่งกันและกันได้ โดยใช้หลักแบ่งงานกันทำ ไม่กระทบกระทั่งกัน รวมถึงผลักดันให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎก

ด้านพรรคเพื่อไทย ที่ส่ง ดร.ลีลาวดี มาร่วมเสวนา ได้นำเสนอว่า การกระทำของภาครัฐ ซึ่งไม่ได้มาจากประชาชนในช่วงที่ผ่านมา กระทบใจต่อชาวพุทธเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้สำรวจปัญหาที่ประชาชนสะท้อนมาพบว่า 3 ข้อหลักประกอบด้วย เรื่องเศรษฐกิจ ยาเสพติด และคอรัปชั่น ซึ่งถ้าเลือกเพื่อไทย เราจะแก้ปัญหาทันที พร้อมเสนอนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธ ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของประเทศ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาเที่ยววัดวาอารามจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำการปลูกฝังเรื่องความเคารพ และหลักการทำทานเพื่อสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน รวมถึงการปลูกฝังเรื่องบาปบุญคุณโทษ

ดร.กมล ทีมยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตนเคยเป็นข้าราชการกรมการศาสนา ก่อนมาดำรงตำแหน่งในกระทรวงศึกษาธิการ จึงทราบถึงสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขเป็นอย่างดี ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยให้ความสำคัญกับเรื่องศาสนา โดยเฉพาะมุมมองด้านความมั่นคง ขณะเดียวกัน หากต้องการให้ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธที่แท้จริง จะต้องทำ 3 อย่าง ประกอบด้วย ต้องมี พ.ร.บ.คุ้มครองพุทธศาสนา โดยฝ่ายสงฆ์ต้องมีระบบนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ของท่านเอง ส่งเสริมกิจการพุทธศาสนาให้ครบถ้วน ทั้งการปกครอง การแต่งตั้ง การตั้งกองทุนคณะสงฆ์ ฝ่ายบ้านเมืองต้องเข้าไปช่วย ส่วนเรื่องการศึกษาคณะสงฆ์ต้องให้ “รู้โลก รู้ธรรม” และรู้ภาษาต่างประเทศ พัฒนาเด็กและเยาวชน โดยสานต่อนโยบายด้านการส่งเสริมศีลธรรม อาทิ โรงเรียนวิถีพุทธ โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นต้น

ขณะที่ ดร.อนุกูล จากพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า พรรคจะขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางพุทธโลก สนับสนุนการทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้เป็นที่พึ่งทางใจอย่างแท้จริง และจะนำเอาวิชาศีลธรรมกลับมาสอนใหม่ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา รวมถึงดูแลพระสงฆ์ให้อยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า เสวนาในครั้งนี้ ยังให้ตัวแทนพรรคการเมืองจับคู่กันตอบคำถามในประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ เช่น การจัดการคดีเงินทอนวัด การบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พระสงฆ์และชาวบ้านถูกทำร้าย รวมถึงเรื่องสิทธิทางการเมืองของพระสงฆ์ ซึ่งแต่ละพรรคล้วนมีแนวทางที่แตกต่างกันไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net