Skip to main content
sharethis

'สุดารัตน์' หวั่นเรื่องการทุจริตแต่ยังมั่นใจชนะเลือกตั้ง 'ประชาธิปัตย์' ปิดท้ายย้ำแคมเปญประชาธิปไตยสุจริต เศรษฐกิจเข้มแข็ง 'ภูมิใจไทย' ขอบคุณชาว กทม. ขอประชาชนเลือกพรรคที่แก้ปัญหาปากท้อง 'เสรีพิศุทธ์' พร้อมเป็นโซ่ทองของประชาธิปไตย 'มหาชน' ขอเสียงเพศทางเลือก 'สุวัจน์' ชูสูตรตั้งรัฐบาลสลาย 3 ขั้วการเมือง จับมือรวม 300 เสียง ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาล่าง 'พลังประชารัฐ' ย้ำจุดยืนพรรคใดรวมเสียงได้มากเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

23 มี.ค. 2562 ช่วงเช้าวันนี้ (23 มี.ค.) พรรคเพื่อไทยมีพิธีปล่อยขบวนรถรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการหาเสียงครั้งสุดท้าย ของวันสุดท้ายที่กฎหมายอนุญาตให้มีการหาเสียงได้ โดยมีแกนนำคนสำคัญของพรรค เดินทางมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค โดยขบวนรถแห่ดังกล่าวจะมี  6 สายกระจายลงพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครทั้ง 30 เขตเลือกตั้ง แบ่งเป็นพื้นที่พระนคร 4 สายตระเวน 16 เขตเลือกตั้ง  สายที่ 1 นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย, สายที่ 2 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, สายที่ 3 นายนพดล ปัทมะ และสายที่ 4  นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ส่วนอีก 2 สายจะลงพื้นที่ฝั่งธนบุรี ประกอบด้วย สายที่ 5 นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงและนายชัยเกษม นิติสิริ และสายที่ 6 นายปลอดประสพ สุรัสวดี เริ่มปล่อยขบวนจากอาคารพรรคเพื่อไทยในเวลา 08.00 น.

พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า การปล่อยขบวนรถแห่วันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในวินาทีสุดท้าย ที่พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ และขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนทุกคนที่ให้ความไว้วางใจด้วยดีมาโดยตลอด

นายภูมิธรรม กล่าวว่าสิ่งสำคัญวันนี้ คือ การเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ เพราะหากคนมาใช้สิทธิมาก จะสามารถขจัดอำนาจที่ไม่ชอบได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่บุคลากรมีศักยภาพและพร้อมนำพาประเทศให้พ้นวิกฤติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เดิมมีกำหนดการจะมาปล่อยขบวนรถแห่และขึ้นรถแห่ที่พรรคเพื่อไทย แต่มีอาการป่วยกะทันหัน จึงทำให้ไปขึ้นรถแห่เริ่มต้นจุดแรกที่หมู่บ้านนักกีฬา พื้นที่ของนายวิตต์ ก้องธรนินทร์แทน

ต่อมาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง ประเวศ หาเสียงวันสุดท้าย  ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นประเด็น เนื่องจากตามปกติแล้วหากเป็นผู้สมัครของพรรค หรือผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค ต้องมีการลงพื้นที่หาเสียง หรือดีเบตเสนอนโยบายของพรรคอยู่แล้ว อย่างที่ทุกพรรคการเมืองปฏิบัติ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ตนเป็นห่วงในเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งหลายอย่าง จนทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม เพราะหากเรื่องต่าง ๆ ถูกเผยแพร่ออกไป อาจสร้างความไม่เชื่อถือจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จนอาจนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งในวันที่ 25 มี.ค. นี้ พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเหตุการณ์ที่อาจถูกมองได้ว่าเข้าข่ายการทุจริตเลือกตั้ง ทั้งก่อนและหลัง มารวบรวมและพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเฉพาะกรณีที่รถขนส่งหีบบัตรเลือกตั้งขาดการติดต่อไปจำนวน  8 คัน ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนเสียงอย่างมาก หากเกิดการทุจริตเลือกตั้ง

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังมั่นใจว่าพรรคจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับพรรคเพื่อไทย ส่วนจะได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ต้องรอดูผลการเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ซึ่งพรรคยึดกติกาเป็นหลัก พร้อมกับย้ำว่าการที่จะจัดตั้งรัฐบาลนั้นควรเป็นเรื่องของผู้แทนที่มาจากเสียงของประชาชนก่อน

'ประชาธิปัตย์' ปล่อยขบวนรถผู้สมัคร ส.ส. พบปะประชาชนทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ปิดท้ายการหาเสียงก่อนวันเลือกตั้ง

ช่วงเช้าวันนี้ (23 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยแกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.ส.พื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้ง 30 เขต สักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สัญลักษณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนปล่อยขบวนรถผู้สมัคร ส.ส.เขต ในกรุงเทพมหานคร เพื่อรณรงค์หาเสียงเป็นวันสุดท้าย ก่อนเวลา 18.00 น.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวขอบคุณผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงทุกคนที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ อยากให้ใช้เวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงในวันนี้ให้คุ้มค่า และร่วมกันปล่อยขบวนรถ “ประชาธิปไตยสุจริต เศรษฐกิจเข้มแข็ง” เพื่อพบปะประชาชน โดยเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยและประชาชนสามารถฟันฝ่า หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา และหลังวันที่ 24 มีนาคม จะต้องเหนื่อยมากกว่านี้มาก ในการนำพาประเทศไปสู่จุดหมายที่ต้องการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานครทั้ง 30 เขต จะกระจายไปในทุกพื้นที่เพื่อรณรงค์หาเสียง “ประชาธิปไตยสุจริต เศรษฐกิจเข้มแข็ง” โดยขบวนของนายอภิสิทธิ์ จะไปพบปะประชาชนกรุงเทพฯ โซนเหนือและตะวันออก ในพื้นที่หลักสี่ ดอนเมือง และสายไหม และกลับมาพบปะประชาชนที่เซ็นทรัลพระราม 9 - สยามสแควร์ จนถึงเวลา 18.00 น.

'ภูมิใจไทย' ปล่อยขบวนรถแห่ขอบคุณชาวกรุง ขอประชาชนเลือกพรรคที่แก้ปัญหาปากท้อง


ที่มาภาพ: เพจอนุทิน ชาญวีรกูล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรรค พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค และแกนนำพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.พื้นที่กรุงเทพมหานครทั้ง 30 เขต ร่วมกันปล่อยขบวนรถแห่หาเสียงผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ทั้ง 30 เขต เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. นี้ และประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายของพรรคภูมิใจไทย โดยแบ่งขบวนรถแห่หาเสียงออกเป็น 4 สายทั่วกรุงเทพฯ ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้ขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทกับการหาเสียง ซึ่งทุกคะแนนที่ได้มานั้นมีความหมาย พรรคยืนยันว่าจะตอบแทนความขยันของทุกคน

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า การหาเสียงวันสุดท้าย คงไม่มีนโยบายเพิ่มเติม เพราะนโยบายของพรรคมีความมั่นคงอยู่แล้ว ทุกนโยบายที่นำเสนอมีผลดีต่อชีวิตปากท้องของทุกคน จึงมั่นใจว่าไม่ต้องเสนอนโยบายแฝงที่เพิ่งคิดได้ เพื่อเอามาสร้างความนิยมเพิ่ม พร้อมฝากให้ประชาชนก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง ให้เลือกคนที่ทุ่มเทและเลือกพรรคที่มีนโยบายทำได้จริง จับต้องได้ และมีผลต่อการแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของทุกคน อย่าเชื่อเพียงวาทกรรม เพราะไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ขอให้เลือกพรรคที่ทำนโยบายที่มีผลต่อเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งทุกคะเเนนของประชาชนจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเมืองไทย ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

ส่วนการปล่อยขบวนดาวกระจายมีผลต่อการตัดสินใจของชาวกรุงเทพฯ หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ประชาชนได้ตัดสินใจไปแล้ว การที่ปล่อยขบวนรถแห่วันนี้เพื่อเป็นการขอบคุณประชาชน และขออภัยในความไม่สะดวกที่เคยเกิดขึ้นในช่วงของการหาเสียง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ดีที่ปฏิบัติกันมา ซึ่งขณะนี้ไม่มีความห่วงใด ๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะทำดีที่สุดแล้ว รอเพียงเเค่การตัดสินใจของประชาชน

เมื่อถามถึงการขึ้นเวทีปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือเป็นการทิ้งไพ่เด็ดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ เพราะเชื่อว่าแต่ละพรรคต่างก็มีทีเด็ด หรือมีกลยุทธ์ที่ต่างกัน ตนไม่อยากไปก้าวก่าย เพราะขณะนี้บรรยากาศการเมืองมาดีแล้ว ทุกพรรคก็พูดชัดเจนว่าจะทำอะไรให้ประชาชนที่เกิดประโยชน์

“นโยบายกัญชาเสรี ถือว่าได้รับความนิยมมากพอสมควร ซึ่งกุศโลบายนี้ประชาชนก็ทราบว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติดที่รุนแรง แต่ในทางตรงข้าม สามารถรักษาโรคและป้องกันโรคได้ อีกทั้งยังมีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับคนไทยและประเทศไทย ถ้าใช้อย่างถูกวิธี พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่ากัญชาเสรีจะทำประโยชน์และรายได้ให้กับคนไทย โดยไม่รบกวนงบประมาณของรัฐบาล เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามมา อีกทั้งหากสร้างรายได้มากขึ้นแล้วก็ต้องมีการลดภาระให้กับประชาชน ด้วยการลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% ในปัจจุบัน เหลือ 5%” นายอนุทิน กล่าว

'เสรีพิศุทธ์' หาเสียงวันสุดท้ายพร้อมเป็นโซ่ทองของประชาธิปไตย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่หาเสียงในวันสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร โดยได้ตระเวนพบประประชาชนที่ตลาดลาดพร้าว สะพาน 2 โชคชัย 4 ตลาดเสนา วังหิน ก่อนจะส่งท้ายที่ตลาดบางขุนศรี บางขุนนนท์ จนถึงที่ทำการพรรคเสรีรวมไทย ซ.บางขุนนนท์ 24 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยอมรับว่า เป็นคนพูดไม่เก่ง  พูดไม่เพราะ แต่หากเป็นเรื่องของการทำงาน เชื่อว่าไม่มีใครสู้ตนได้ ซึ่งในการหาเสียง พรรคเสรีรวมไทยไม่ได้ใช้การปราศรัยใหญ่ปิดท้าย เหมือนที่หลายพรรคการเมืองใช้ เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก อีกทั้งเสียเวลาประชาชนมาเข้าร่วม จึงอยากจะฝากถามถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ดูเรื่องนี้ด้วยว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียงหรือไม่  เพราะสำหรับตนจะใช้วิธีการพูดคุยผ่านโซเชียล ที่ผ่านมามีคนเข้ามาชมมากถึง 200 ล้านกว่าวิวแล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าได้ผลอย่างมาก 

“การเลือกตั้งครั้ง ไม่ใช่สถานการณ์ที่ปกติ ท่านอาจจะต้องตัดสินใจให้แน่วแน่จริง และหากฝ่ายประชาธิปไตย ติดขัดปัญหาอะไร อย่างเช่นกรณีของพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ ก็ขอให้สนับสนุนผมเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วทุกอย่างจะไม่มีปัญหา และผมพร้อมเป็นโซ่ทองของฝั่งประชาธิปไตย มีคนเขียนโน๊ตมาหาผมว่าทักษิณคือความฝัน เสรีคือความจริง รักชาติ รักแผ่นดิน เลือกพรรคเสรีรวมไทยครับ ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง ไม่ใช่คนพูดเพราะ เหมือนหัวหน้าพรรคคนอื่น ๆ หัวหน้าพรรคทุกคนในที่นี้เคยเป็นนักเรียนนอก มีวาสนามีโอกาสที่ดี แต่ผมไม่มีโอกาส แต่ถ้าทำงานไม่มีใครสู้ผมได้ เกียรติประวัติผมเป็นประกัน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

'มหาชน' ขอเสียงเพศทางเลือก

นายอภิรัต ศิรินาวิน หัวหน้าพรรคมหาชน พร้อมด้วย นายจักรกรินทร์ สิงหนุต หรือ “น้ำแข็ง-ไอณริณ” ผู้สมัคร ส.ส.กทม. รวมถึงสมาชิกพรรคมหาชน ออกแถลงการณ์ถึงผู้มีสิทธิ์ที่เป็นกลุ่มเพศทางเลือก 6 ล้านเสียงให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด เพื่อสนับสนุนพรรคมหาชนให้เข้าไปทำงานในสภาฯ ตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมแห่งสิทธิในการรับและเข้าถึงบริการจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีเส้นแบ่งเกี่ยวกับเพศ วิถีทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ แต่ก็ยังพบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ยังไม่ได้รับสิทธิ์เท่าเทียมในฐานะเป็นพลเมืองไทย  ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา คะแนนของกลุ่มเพศทางเลือกกระจัดกระจายอย่างไร้ความหมายและคุณค่า เพราะไม่มีนักการเมืองหรือแม้แต่พรรคใดสนับสนุนนโยบายใด ๆ ที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มเพศทางเลือกได้สำเร็จ 

ดังนั้นเหลืออีกเพียง 1 วัน ก่อนเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง พรรคมหาชนขอเรียกร้องให้กลุ่มเพศทางเลือกใช้คะแนนของตนเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อเข้าไปผลักดันให้นโยบายและสิทธิได้รับการยอมรับและถูกบังคับใช้เป็นกฎหมาย ทั้งร่างกฎหมายจดทะเบียนคู่ชีวิต ที่แม้จะถูกผลักดันให้พิจารณา แต่ก็ยังไม่บังคับใช้ได้ตามเจตนารมณ์ การเดินหน้าแก้ไขกฎหมายอนุญาตให้เพศชาย หรือ กลุ่มเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และท้ายสุด คือ การผลักดันให้แก้ไขกฎหมายนิยามให้อาชีพที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับกลุ่มเพศทางเลือกแยกออกจากกฎหมายการค้ามนุษย์ที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบอาชีพ รวมถึงสร้างความยอมรับให้เกิดขึ้นในสังคมด้วย

'สุวัจน์' ชูสูตรตั้งรัฐบาลสลาย 3 ขั้วการเมือง จับมือรวม 300 เสียง ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาล่าง

ช่วงเช้าวันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 08.30 น.ที่ตลาดกิมเฮง จ.นครราชสีมา วันสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้ทิศทางการเมืองจะมีเป็นอย่างไรต้องรอคำตอบจากพี่น้องประชาชนในวันที่ 24 มี.ค.นี้ จะได้รัฐบาลที่ชอบธรรมจากการเลือกตั้ง สำหรับจุดยืนทางการเมืองพรรคพร้อมเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง แต่สิ่งสำคัญพรรคชาติพัฒนา ไม่ต้องการเห็นการเมืองเผชิญหน้ากันอีกแล้ว อยากเห็นการเมืองนิ่งและเรียบร้อย ดังนั้นหลังเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองต้องหันหน้าเข้าหากัน ส่วนฝ่ายใดจะจัดตั้งรัฐบาล หรือ รวบรวมเสียงข้างมากขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง

"วันนี้พรรคชาติพัฒนา ต้องการเห็นการเมืองมาพูดคุยกัน หันหน้าเข้าหากัน อยากเห็นการเมืองนิ่ง เพราะในอดีตเราขัดแย้งกันมานานพอแล้ว ซึ่งพรรคชาติพัฒนาขออยู่ตรงกลาง ไม่มีปัญหา No Problem ไม่ขัดแย้งหรืออยู่ฝ่ายใด เพราะไม่อยากให้การเมืองเผชิญหน้ากันอีก" นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่าแนวโน้มพรรคการเมืองจะมีขั้วใหญ่ 3 พรรค สูตรการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวคงเป็นไปได้ยาก แนวโน้มจะเป็นรัฐบาลผสม สิ่งสำคัญในการบริหารประเทศคือ เสียงสภาล่าง 500 เสียงเป็นหลัก หากได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือเสียงปริ่มๆ 251 เสียง การบริหารงานในสภาย่อมเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะมีกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับประโยชน์ของพี่้น้องประชนจำนวนมาก เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ หรือ กฎหมายสำคัญอื่นๆ หากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย อาจไม่ครบองค์ประชุม แต่ควรเป็นรัฐบาลที่มีเสียงเกือบๆ 300 เสียง กำลังเหมาะสม ในการสร้างสมดุลระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ และ ฝ่ายรัฐบาลสามารถบริหารประเทศ และต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเมืองไทย

"อยากเห็นพรรคการเมืองหันหน้าเข้าหากัน ควรมาพูดคุยกัน ไม่ใช่ไม่มองหน้ากัน แต่ควรเปิดประตูแย้มๆไว้บ้าง การเมืองจะได้ไม่ติด เดทล็อก ไร้ทางออกบ้านเมืองเดินต่อไม่ได้ ไม่มีรัฐบาล หรือแม้จะมีรัฐบาล แต่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็บริหารประเทศลำบาก ต่างชาติไม่เชื่อมั่นเสถียรภาพการเมืองไทย อยากจะเป็นแบบนั้นกันหรือ ดังนั้นพรรคการเมืองต้องหันหน้้าเข้าหากันเพื่อให้มีรัฐบาลมีเสถียรภาพ" นายสุวัจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามเรื่องการซื้อสิทธิ์ในคืนหมาหอน 23 มี.ค.คืนนี้นั้น คงเป็นหน้าที่ของคณะการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเข้มงวดให้เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมกับกำชับผู้สมัคร สส.พรรคชาติพัฒนาทุกคนเล่นตามกติ ไม่มีการซื้อเสียง

'พลังประชารัฐ' ย้ำจุดยืนพรรคใดรวมเสียงได้มากเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือฤกษ์ 08.08 น. นำคณะผู้บริหารพรรคและผู้สมัคร ส.ส. อาทิ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธการเลือกตั้ง กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี  บวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ ศาลพระภูมิเจ้าที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะขึ้นรถแห่ในเวลา 09.09 น. ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน  ซึ่งตลอดทางได้ทักทายขอคะแนนเสียงจากประชาชน ให้พรรคพลังประชารัฐมีโอกาสเข้าไปบริหารประเทศ ให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อความสงบและสานต่อนโยบายดี ๆ เพื่อประชาชน ดังนั้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ขอให้ออกไปร่วมกันตัดสินอนาคตประเทศ  ระหว่างทาง แกนนำพรรคและคณะ ได้เข้ากราบสักการะศาลสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และกราบสักการะพระประธาน วัดชนะสงคราม  ซึ่งเป็นความเชื่อว่าจะส่งผลให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้

นายอุตตม กล่าวว่า มั่นใจว่าโค้งสุดท้าย ผู้สมัครของพรรคจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อคืนวานนี้ (22 มี.ค.) ได้กระแสตอบรับดี ขอย้ำว่าจุดยืนในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคยังคงหลักการเดิม คือ พรรคที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ยอมรับว่า ได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ แต่ยังไม่ได้เจรจา หรือเชิญร่วมรัฐบาล ส่วนหลังปิดหีบเลือกตั้งแล้วจะสามารถฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลได้ทันทีหรือไม่ ต้องรอดูผลคะแนนก่อน และเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีส่วนร่วมด้วย

“ยังไม่ได้มีการตัดสินใจในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล แต่พรรคต้องการเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นด้วยความสงบ ตามความคาดหวังของประชาชน  พรรคพลังประชารัฐยังไม่เคยปฏิเสธพรรคการเมืองไหน แต่พรรคก็มีกฎเกณฑ์ คือ อุดมการณ์และนโยบายต้องสอดคล้องกับพรรค การเจรจาต่อรองทางการเมือง ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ และไม่คิดว่าพรรคพลังประชารัฐจะถูกพรรคการเมืองอื่น ๆ โดดเดี่ยวทางการเมือง ขอให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อน” นายอุตตม กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์  มั่นใจว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ตามเป้าที่ตั้งไว้ จนสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ มาแรงมากในช่วงนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นแกนนำพรรคได้แบ่งขบวนรถแห่ออกเป็น 2 ขบวน  ขบวนแรก นำโดย นายอุตตม แห่ไปตามเส้นทางฝั่งพระนคร ผ่านถนนหลานหลวง เข้าสู่เขตราชเทวี ประตูน้ำ ถนนเพชรบุรี แยกอโศก ชิดลม แยกราชประสงค์ สยาม และเข้าสู่สะพานหัวช้าง ก่อนจะมุ่งเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปทางสวนจตุจักร และผ่านเซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อเดินทางกลับมาที่พรรค ขบวนที่ 2 นำโดยนายสนธิรัตน์ แห่ไปตามเส้นทางฝั่งธนบุรี เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า มุ่งหน้าสู่ถนนบรมราชชนนี ราชพฤกษ์กาญจนาภิเษก เข้าสู่เขตบางแค ผ่านถนนกำนันแม้น เขตบางบอน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ และจุดสุดท้ายคือวงเวียนใหญ่

ที่มาเรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] แนวหน้า





 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net