Skip to main content
sharethis

26 มี.ค. 2562 ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการอยู่นี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง พรุ่งนี้จะมีการประชุมผู้สมัครของพรรคทั้งที่ได้รับการเลือกตั้ง และไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพื่อที่จะหารือร่วมกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการพบกันครั้งหลังจากมีการเลือกตั้ง และจะมีตัวอย่างของพื้นที่ซึ่งมีปัญหา โดยผู้สมัครที่ประสบปัญหาต่างๆ จะมาชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริงให้กับสื่อมวลชนทราบ เพื่อตรวจสอบและทบทวน

ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า บรรยากาศในการเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่เสรี และไม่เป็นธรรม ซึ่งมาสู่ความไม่น่าเชื่อถือ และความไม่เชื่อกับประเทศไทย เมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่นก็จะส่งผลอย่างยิ่งต่อกระบวนการในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่การตัดสินใจของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ที่เข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรเป็นเสียงจากพรรคการเมืองที่ประกาศชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. เสียงส่วนใหญ่เป็นเสียงที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง และประชาชนต่อการเห็นชีวิตที่ดีขึ้น การที่รัฐบาลพยายามใช้กลไกพิเศษต่างๆ ที่ตนเองได้สร้างขึ้นนั้น แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้วก็ยังไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้

ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การยึดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ควรจะได้ริเริ่มจัดตั้งรัฐบาล วันนี้รัฐบาลมีกลไกทุกอย่างอยู่ในมือ เช่น ส.ว. 250 คน ที่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดจำเป็นต้องมี 251 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรจึงจะสามารถบริหารประเทศได้

“ผมเชื่อว่า วันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถได้เสียง 251 เสียง และเชื่อว่า 300 กว่าเสียงของ ส.ส. นั้นคือเสียงที่ได้รับเจตนารมย์จากประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลเรากำลังดำเนินการต่างๆ ตามกระบวนการ และได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว เราเชื่อว่าทุกคนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง” ภูมิธรรม กล่าว

ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ยังมีเวลาสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ซึ่งเวลานี้ทาง กกต. ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเมืองเมื่อดฃใด กกต. จะต้องทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ และผลการเลือกตั้งจะต้องไม่ค้านสายตาสาธารณชน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

“เรามีหวังอย่างเต็มเปี่ยม และเชื่อผู้มีอำนาจยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้” ภูมิธรรม กล่าว

ภูมิธรรม กล่าวถึงการนับคะแนนและคำนวนที่นั่ง ส.ส. โดย กกต. ว่า รายงานผลการเลือกตั้งของ กกต. ที่ประกาศว่าใครเป็นผู้ชนะในระบบแบ่งเขตนั้นสามารถประกาศได้แล้ว แต่ทำไมจึงไม่สามารถเปิดเผยคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนได้รับ โดยระบุว่ายังไม่สามารถประกาศได้ทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันกลับมีการคำนวนคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อได้แล้ว แต่กลับไม่กล้าประกาศว่าคะแนนเหล่านี้มาจากที่ใดบ้าง เมื่อถามว่า กกต. พิมพ์บัตรเลือกตั้งไปทั้งหมดเท่าไร กกต. บอกเป็นความลับ ทั้งหมดไม่มีความชัดเจน

“วันนี้มีผู้มาใช้สิทธิเท่าไหร่ ประสิทธิภาพสูงสุดที่ควรจะมีคือการบอกได้แล้ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเท่าไหร่ เมื่อเห็นตัวเลขผู้มาใช้สิทธิแล้ว ก็เอามาดูว่าผลคะแนนที่พรรคต่างๆ ได้รับมีเท่าไหร่เอามาบวกกัน ถ้ามันเท่ากันก็จบ หรือว่าขณะนี้บวกแล้วมันไม่เท่ากัน จะขอใช้เวลาเพื่อทำให้มันเท่ากันหรืออย่างไร อันนี้ไม่ได้กล่าวหาแต่ว่า เป็นความไม่ชัดเจน วันนี้มีการรายงานผลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัย แต่ก่อนทำกันปกตินับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง 4 ทุ่มก็รู้หมดแล้ว วันนี้ กกต. เข้าสู่ระบบ 5 G มันคงยากไปมั้งผ่านมา 2-3 วันยังประกาศไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีคำตอบ และไม่มีความชัดเจน

ต่างประเทศเขาตั้งคำถามกับเรา และเป็นสิ่งที่คาใจอยู่ในความคิดความเห็นของผู้คน สิ่งที่เราเรียกร้องไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก เพียงแค่ให้ กกต. แถลงมา อย่ามัวใช้เวลาที่ทำให้คนเข้าใจว่า จะไปตบแต่งตัวเลขให้เกิดความไม่ชัดเจน วันนี้บอกมาเลยพิมพ์ไปเท่าไหร่  สำรองไว้สำหรับบัตรเสียหายเท่าไหร่ มาใช้สิทธิเท่าไหร่ หักลบตัวเลขแล้วเหลือบัตรเท่าไหร่ รวมกันแล้วที่ไปหย่อนบัตร เซ็นต์ชื่อ ผลที่ประกาศออก บัตรที่ใช้ไป บัตรที่เหลืออยู่ ต้องชัดเจน ไม่มีอะไร ง่ายเลยสำหรับคนเรียนคณิตศาสตร์พื้นฐานทั่วไป อันนี้ตอบนักข่าวว่าไม่มีเครื่องคิดเลขมา ไม่รู้ท่านใช้ความรู้ในระดับไหนในการตอบ หรือมันยากเกินไปสำหรับ กกต. ในการทำสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจน” ภูมิธรรม กล่าว

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ความเห็นต่อการจัดการเลือกตั้งและจุดยืนต่อการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชน

ตามที่ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ปรากฎข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาในกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง รวมถึงผลการเลือกตั้งที่ทำให้เห็นถึงกติกาที่ไม่ชอบธรรม นำมาซึ่งการถูกวิจารณ์อย่างแพร่หลายว่าเป็น เป็นเลือกตั้งที่ไม่เสรีและเป็นธรรมนั้น พรรคเพื่อไทยจึงขอแถลงดังต่อไปนี้

1.ความเห็นต่อการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การดำเนินการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ในครั้งนี้มีปัญหามาตั้งแต่ต้น เริ่มจากที่หัวหน้า คสช. ซึ่งมีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งมีอิทธิพลต่อการกำหนดกติกา กำหนดกรรมการ รวมทั้งใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้ามาแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งหลายครั้ง และในระหว่างการเลือกตั้งยังมีความไม่โปร่งใสในหลายขั้นตอน ทั้งกระบวนการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่ไม่ระบุจำนวน และสถานที่พิมพ์ ทำให้ตรวจสอบไม่ได้ การปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในการเลือกตั้งอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าเป็นรูปแบบของการซื้อเสียง การใช้อำนาจรัฐ การใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามผู้สมัคร และผู้สนับสนุนในหลายพื้นที่ ดังที่ปรากฎเป็นข่าวแพร่หลายโดยทั่วไป จนถึงขั้นตอนการนับคะแนน และการประการผลคะแนนที่คะแนนจากหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงกับที่มีการรายงานผล มีคะแนนมากว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ อันแสดงให้เห็นว่ามีการใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซงในกระบวนการการจัดการเลือกตั้งอย่างเห็นได้ชัด จนเป็นที่มาของการที่ประชาชนได้แสดงเจตจำรงค์ที่จะเข้าชื่อถอดถอน กกต. ขณะนี้กว่า 7 แสนคน

2.ความเห็นต่อผลการเลือกตั้ง และจุดยืนในการจัดตั้งรัฐบาล ผลจากการเลือกตั้งได้สะท้อนให้เห็นถึง ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่จะทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคการเมืองใดมีเสียงเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ และผลที่จะเกิดขึ้นจากการเป็นรัฐบาลผสมที่จะทำให้ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องดังกล่าวพรรคเพื่อไทยได้คัดค้าน และแสดงความไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้นแล้ว

เมื่อพิจารณาจากผลการเลือกตั้งโดยคำนึงถึงเจตนารมย์ของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง จะเห็นได้ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีการแบ่งฝ่ายของประชาชน และของพรรคการเมืองอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนให้หัวหน้า คสช. สืบทอดอำนาจต่อไป โดยมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ กับฝ่ายประชาธิปไตยที่คัดค้านการสืบทอดอำนาจดังกล่าว โดยมีพรรคเพื่อไทย และพรรคแนวร่วมอื่นๆ อีกหลายพรรค ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการขณะนับคะแนน 95 เปอร์เซ็นต์ปรากฎว่า พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. มากที่สุดจำนวน 137 คน ส่วนพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. ประมาณา 118 คน จึงต้องถือว่า พรรคเพื่อไทยได้รับฉันทามติจากประชาชนเพื่อให้ได้เข้ามาบริหารประเทศ แต่พรรคพลังประชารัฐกลับอ้างคะแนนเสียงรวมของประชาชนทั้งที่คะแนนดังกล่าวได้แปลงมาเป็นจำนวน ส.ส. แล้ว

นอกจากนี้ เมื่อรวมจำนวน ส.ส. ของพรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศชัดเจนก่อนการเลือกตั้งว่า คัดค้านการสืบทอดอำนาจ ก็จะมีจำนวน ส.ส. กว่า 250 คน และมีจำนวนคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียงของพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจกว่ากว่า 6 ล้านเสียง

3.พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ผลการเลือกตั้งเบื้องต้น สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ดังนั้นพรรคการเมืองบางพรรคจะร่วมตั้งรัฐบาล และสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น น่าจะเป็นการขัดต่อเจตนารมย์ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งรัฐบาลเช่นนี้จะไม่ได้รับความยอมรับจากประชาชนและจะเป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาอื่นๆ ของประชาชนได้เลย

พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองคำนึงถึงประเทศชาติ และประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมืองของตน พรรคพร้อมที่จะทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างสรรค์เพื่อให้เจตนารมย์ของประชาชนได้รับความเคารพปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข      

พรรคเพื่อไทย

26 มี.ค. 2562

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net