Skip to main content
sharethis

ศาลรับฟ้องหนึ่งในตำรวจชุดจับกุมฟ้อง 'ฤทธิรงค์' ข้อหาฟ้องและเบิกความเท็จ ปมอ้างถูกมือตบศีรษะอย่างรุนแรง จนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ

27 มี.ค.2562 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า ศาลจังหวัดปราจีนบุรีประทับรับฟ้อง กรณีหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ฟ้อง ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ข้อหาฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ

สำหรับกรณีนี้มีเหตุสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2561 หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจยศดาบตำรวจที่ถูก ฤทธิรงค์ ฟ้องว่าได้ร่วมทำร้ายร่างกายตน เป็นจำเลยที่ 7 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.925/2558 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อปี พ.ศ.2558 ได้ฟ้องกลับ ฤทธิรงค์ ในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1285/2561

เหตุที่นายตำรวจดังกล่าวได้ยื่นฟ้องอันเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2558 ฤทธิรงค์ ได้ฟ้องและกล่าวหาว่าตนทำร้ายร่างกายโดยใช้มือตบศีรษะ ฤทธิรงค์ อย่างรุนแรงเป็นเหตุให้ฤทธิรงค์ ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และยังกล่าวอีกว่าต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2558 ฤทธิรงค์ได้บังอาจเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี ในคดีหมายเลขดำที่ อ.925/2558 ในฐานะพยานว่า ตนได้ใช้มือตบศีรษะของ ฤทธิรงค์ และศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 25 ก.พ.2562

จากนั้น เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปราจีนบุรีออกนั่งพิจารณานัดไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวได้อ้างตนเองเป็นพยาน และขึ้นเบิกความต่อศาลยืนยันข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 ซึ่งเป็นวันที่ฤทธิรงค์ อ้างว่าได้ถูกตนทำร้ายร่างกายโดยการตบศีรษะนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นการที่ฤทธิรงค์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีและกล่าวหาตนเป็นจำเลยที่ 7 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2558 และต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2558 ยังขึ้นเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงว่าตนได้ทำร้ายร่างกายโดยการตบศีรษะนั้น เป็นการฟ้องและเบิกความเท็จ อันเป็นความผิดตามมาตรา 175 และ 177 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าคดีนี้มีมูลและประทับรับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป

พิพากษารอลงอาญา 2 ปี ผู้บริหาร อปท. แจ้งข้อความเท็จช่วยกลุ่มตำรวจซ้อมทรมาน

ต่อมาวันนี้ (27 มี.ค.2562 ) ศาลจังหวัดปราจีนบุรีออกนั่งพิจารณา นัดฟังคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องคดีดังกล่าวและมีคำสั่งว่าพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าศาลอุทธรณ์ภาคสองได้วินิจฉัยตามศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีอาญาคดีหมายเลขดำที่ อ.925/2558 ว่าโจทก์ในคดีนี้ไม่ใช่พนักงานสอบสวนและเข้ามาจับกุมตัวโจทก์ไปค้นหาของกลางที่ร้านของนายทวีศักดิ์ เป็นช่วงเวลาหลังจากที่โจทก์รับสารภาพต่อจำเลยที่สาม (ในคดีเดิม) ข้อเท็จจริงจึงไม่ปรากฏว่าโจทก์ทราบเรื่องจำเลยรับสารภาพว่าถูกทำร้าย กรณีที่โจทก์ ร่วมควบคุมตัวจำเลยไปค้นหาของกลางจึงเป็นการปฎิบัติหน้าที่ไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือแกล้งให้จำเลยรับโทษและฟังไม่ได้ว่า โจทก์มีเจตนาหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำให้จำเลยปราศจากเสรีภาพในร่างกาย คดีที่โจทก์ถูกฟ้องในคดีดังนั้นจึงไม่มีมูล

ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายที่จำเลยกล่าวว่าโจทก์ได้ทำอันตรายแก่กายและจิตใจของจำเลยนั้น ทั้งศาลอุทธรณ์ภาคสองและศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ตบศีรษะจำเลยไปครั้งเดียวไม่น่าจะทำให้จำเลยได้รับบาดเจ็บจนเป็นอันตรายแก่จิตใจได้  ดังนั้นการที่จำเลยฟ้องโจทก์ในคดีอาญา อ.925/2558 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหาความผิดต่อร่างกายและความผิดต่อเสรีภาพนั้น จึงเป็นการฟ้องเท็จ และข้อเท็จจริงปรากฏว่าตามเอกสารหมาย จ.12 จำเลยได้มาเบิกความว่าระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวกลับมาที่กองกำกับการสืบสวนโจทก์ได้ใช้มือตบบริเวณศีรษะของจำเลย ด้วยความแรงจำเลยรู้สึกมึน ซึ่งการเบิกความดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดี เนื่องจากอาจทำให้โจทก์มีความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา175 และมาตรา 177 วรรคสอง ดังนั้นให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา

ภายหลังศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้อ่านคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ได้นัดหมายคู่ความทั้งสองในนัดสอบคำให้การในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เวลา 09.00น. ต่อไป 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net