'ศูนย์ทนายสิทธิ' ประณามการคุกคาม 'เอกชัย-ฟอร์ด' หลังทั้งคู่จัดล่าชื่อถอด กกต. จี้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ประณามการคุกคาม เอกชัย หงส์กังวานและ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง 2 แกนนำจัดกิจกรรม รวบรวมรายชื่อถอดถอน กกต. เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

2 เม.ย.2562 จากกรณี เอกชัย หงส์กังวานและอนุรักษ์ เจตวานิชย์ (ฟอร์ด เส้นทางสีแดง) 2 แกนนำจัดกิจกรรมบริเวณสี่แยกของถนนราชประสงค์ เพื่อรวบรวมรายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากกระบวนการจัดการเลือกตั้งและการนับผลคะแนนเป็นที่กังขาต่อความโปร่งใสและความเที่ยงธรรมในการจัดการอย่างกว้างขวางในสังคม อย่างไรก็ตามภายหลังทั้ง 2 คนจัดกิจกรรมกลับถูกทำร้ายร่างกายและรถยนต์นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ประณามการคุกคามทั้ง 2 คนดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันค้นหาความจริงเกี่ยวกับการคุกคาม ตลอดจนสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อเอกชัย และอนุรักษ์ และเหตุการณ์ก่อนหน้า อย่างรวดเร็ว เป็นกลาง และโปร่งใส

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยังเรียกร้องต่อรัฐไทยให้ปกป้องและคุ้มครองการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของเอกชัย และอนุรักษ์ ซึ่งกระทำไม่ว่าด้วยวิธีการใด อันได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 และขอเรียกร้องต่อประชาชนให้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความเห็น การชุมนุมหรือการแสดงออกโดยสันติ ที่มีต่อกรณีการเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกกต. หรือการตรวจสอบเหตุทุจริตในการบริหารงานรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และกองทัพ ซึ่งเป็นไปตามสิทธิที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

โดยมีรายละเอียดดังนี้ :

แถลงการณ์ประณามการคุกคาม “เอกชัย หงส์กังวาน” และ “อนุรักษ์ เจนตวานิชย์” เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2562 สองนักกิจกรรมการเมือง เอกชัย หงส์กังวานและอนุรักษ์ เจตวานิชย์ (ฟอร์ด เส้นทางสีแดง) ร่วมกันจัดกิจกรรม ณ บริเวณสี่แยกของถนนราชประสงค์ เพื่อรวบรวมรายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 คน ภายหลังจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 แต่กระบวนการจัดการเลือกตั้งและการนับผลคะแนนเป็นที่กังขาต่อความโปร่งใสและความเที่ยงธรรมในการจัดการอย่างกว้างขวางในสังคม

ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 1.15 น. ของวันที่ 1 เมษายน 2562 เอกชัยพบว่ารถของตนที่จอดไว้หน้าบ้านพักถูกชายไม่ทราบชื่อ แต่งตัวปกปิดหน้าตา ใช้เท้าถีบกระจกมองข้างด้านซ้าย ราดน้ำมันบนกระจกด้านหน้า และจุดไฟเผาจนเกิดไฟลุกท่วม ทำให้ภายในห้องโดยสารรถยนต์เสียหายจนไม่อาจซ่อมแซม รวมถึงเอกสารการลงชื่อถอดถอน กกต. พร้อมทั้งหลักฐานของผู้ที่สนใจร่วมลงรายชื่อประมาณ 300 ฉบับ และเครื่องขยายเสียงที่ใช้ในการจัดกิจกรรมที่วางไว้ในรถยนต์ได้รับความเสียหายด้วย ในช่วงค่ำวันที่ 31 มีนาคม 2562 เวลาประมาณ 21.45 นายอนุรักษ์ เจตวานิชย์ ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนและมีเลือดไหล จากคนร้าย  2 คน ซึ่งปกปิดหน้าตาด้วยการแต่งกายชุดดำเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านพัก โดยไม่ได้มีเหตุโกรธเคืองใดมาก่อน (อ่านเพิ่มเติม ประมวลข้อมูลการทำร้ายเอกชัย หงส์กังวาน)

แม้ภายหลังจากเหตุทำร้ายทรัพย์สินและทำร้ายร่างกายดังกล่าว เอกชัยและอนุรักษ์จะร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว แต่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้มิใช่เหตุการณ์แรกที่นักกิจกรรมทางการเมืองถูกคุกคามจนได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะเอกชัย ซึ่งจัดกิจกรรมเรียกร้องให้ตรวจสอบความโปร่งใสในการบริหารประเทศของรัฐบาลและคสช.ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งการตรวจสอบผลการครอบครองนาฬิกาหรูกว่า 25 เรือนของรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ การจัดกิจกรรมคัดค้านคำสั่งของผู้บัญชาทหารสูงสุดเพื่อขอให้ยุติการใช้เพลง “หนักแผ่นดิน” ปลุกระดมความขัดแย้ง และความเกลียดชังระหว่างประชาชนทั่วไปซึ่งมีความเห็นต่างทางการเมือง รวมทั้งการเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง ทำให้เอกชัยถูกดำเนินคดีอาญาถึง 8 คดี และถูกทำร้ายร่างกายถึง 6 ครั้ง ทำลายทรัพย์สิน  2 ครั้ง ในรูปแบบที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งที่ทราบแรงจูงใจและไม่ทราบแรงจูงใจในการคุกคาม

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและรวบรวมข้อมูลของผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้สิทธิทางเมืองภายหลังการรัฐประหาร ปี 2557 กังวลเป็นอย่างยิ่งถึงการใช้ความรุนแรงต่อทั้งเอกชัยและอนุรักษ์ ซึ่งเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนจัดกิจกรรมเข้าชื่อเพื่อถอดถอน กกต. ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สามารถกระทำได้ตามขอบเขตของมาตรา 235 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และได้รับการรับรองความชอบด้วยกฎหมายของการใช้สิทธิที่จะมีส่วนร่วมในการบริการจัดการ ตรวจสอบ ถ่วงดุล และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามมาตรา 34 และมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ตลอดทั้งได้รับความคุ้มครองเสรีภาพในการใช้สิทธิดังกล่าวตามข้อบทที่ 19 และข้อบทที่ 21 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

การคุกคามและความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อทั้งเอกชัยและอนุรักษ์ ความล่าช้าในการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์ที่ผ่านมา รวมทั้งความล่าช้าในการจัดหามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ซึ่งออกมารณรงค์หรือเรียกร้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เหตุการณ์ดังกล่าวมิเพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องในหน้าที่ปกป้องและคุ้มครองผู้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของรัฐไทย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการไม่อดทนและเคารพซึ่งสิทธิในชีวิต ร่างกาย ของบุคคลผู้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนด้วยกันอีกด้วย

ภายใต้การดำเนินนโยบายที่รัฐรณรงค์ให้การปกป้อง คุ้มครอง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จึงขอประณามและเรียกร้องต่อกรณีการคุกคามและการใช้ความรุนแรงต่อเอกชัย หงส์กังวานและอนุรักษ์ เจตวานิชย์ ให้รัฐไทยและประชาชนดำเนินการโดยวางอยู่บนหลักการไม่เลือกปฏิบัติ และเคารพซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ดังนี้

1. ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันค้นหาความจริงเกี่ยวกับการคุกคาม ตลอดจนสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อเอกชัย หงส์กังวานและอนุรักษ์ เจตวานิชย์ และเหตุการณ์ก่อนหน้า อย่างรวดเร็ว เป็นกลาง และโปร่งใส

2. ขอเรียกร้องต่อรัฐไทยให้ปกป้องและคุ้มครองการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของเอกชัย หงส์กังวานและอนุรักษ์ เจตวานิชย์ ซึ่งกระทำไม่ว่าด้วยวิธีการใด อันได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560

3. ขอเรียกร้องต่อประชาชนให้ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความเห็น การชุมนุมหรือการแสดงออกโดยสันติ ที่มีต่อกรณีการเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกกต. หรือการตรวจสอบเหตุทุจริตในการบริหารงานรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และกองทัพ ซึ่งเป็นไปตามสิทธิที่ได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท