Skip to main content
sharethis

 

เอกชัย หงส์กังวาน อายุ 42 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเอแบค อาชีพล่าสุดก่อนติดคุกและก่อนเป็นนักกิจกรรม คือ ขายหวยออนไลน์

ผู้คนรู้จักเขาหลังจากเริ่มเดินสายประท้วงกรณี “นาฬิกาเพื่อน” ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างไม่ลดละ แต่อันที่จริงเขาเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2560 เรื่องหมุดคณะราษฎรที่หายไป เคลื่อนไหวหนักในปี 2561 ถึงปัจจุบัน ถูกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินมาแล้วเกือบ 10 ครั้ง  (อ่านที่นี่)

การทำกิจกรรมของเขาง่ายเท่าใจนึก เพราะนึกจะไปก็ไป เดินหน้ายื่นหนังสือหรือประท้วงโดยไม่ต้องนัดรวมพลกับใคร บางครั้งก็มีเพื่อนๆ ติดสอยห้อยตามไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่มี  

ทำไมเคลื่อนไหวแบบนี้?

“ที่ผ่านมาคนกลัวอะไรก็ไม่รู้ ตอนเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่พอใจอะไรก็เคลื่อนไหว พอรัฐบาลทหารก็เงียบกันหมด ก็คิดว่ากลัวแบบนี้ไม่ได้”

“มันเป็นการเคลื่อนไหวสไตล์ของฉันน่ะ รูปแบบเดิมๆ ที่ปลุกม็อบกันใหญ่ๆ หลักหมื่นหลักแสน ผลลัพธ์คือโดนสลายชุมนุม ม็อบใหญ่มันคุมยาก ไม่รู้ที่เข้ามาเป็นใคร ปัญหาเยอะ ผลเสียตกกับแกนนำ ดังนั้น การเคลื่อนไหวไม่จำเป็นต้องใช้ม็อบอย่างเดียว ยิ่งผลการเลือกตั้งออกมาก็เห็นชัดเจนแล้วว่า คนไม่เอาแนวม็อบใหญ่ปิดถนนแล้ว ต้องหาวิธีอื่น เราบุกเดี่ยว ให้เป็นประเด็นข่าว แฟลชม็อบ สั้นๆ เนื้อๆ แล้วกลับบ้าน ใช้ทุนก็น้อย เหมาะกับฉัน”  

ความมุ่งมั่นหรือดื้อรั้นของเขาเป็นที่ประจักษ์ ตั้งแต่สมัยที่ติดคุกในคดี 112

ในขณะที่ใครๆ ต่างถอดใจเพราะไม่ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดีและคดีนี้ต่อสู้ยากมากจนผู้ต้องหาล้วนต้องยอมรับสารภาพ เพื่อให้ได้ลดโทษและออกจากคุกเร็วที่สุด แต่เอกชัยไม่รับสารภาพ

เขาติดคุกไปสู้คดีไป ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา จากโทษ 3 ปี 4 เดือน ท้ายสุดเหลือ 2 ปี 8 เดือน

“เราสู้ เพราะเราคิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด”

ถามว่าเขาไปทำอะไรมาจึงติดคุก เหตุก็คือ เขาไปในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงกลุ่มแดงสยามของสุรชัย แซ่ด่าน เมื่อเดือนมีนาคม 2554 เพื่อแจกซีดีที่เนื้อหาคือสารคดีการเมืองไทยของสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์

เนื้อหาในสารคดี ABC เกี่ยวข้องกับสภาพการเมืองไทยและการขาดเสรีภาพในการแสดงออก มีส่วนเสี้ยวสั้นๆ ที่พูดถึงข่าวลือเรื่องพระชายาองค์รัชทายาท เป็นเนื้อหาที่ฉายเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย แต่ในยุคอินเทอร์เน็ต ผู้คนจึงเข้าถึงได้ในประเทศอื่น

ส่วนวิกิลีกส์คือ เว็บไซต์ของ จูเลียน อัสซาจ  (Julian Assange) ที่เผยแพร่ข้อมูลเอกสารลับมากมายโดยเฉพาะของสหรัฐอเมริกาที่หลุดออกมาล็อตใหญ่ บางชิ้นก็เกี่ยวข้องการเมืองไทย นั่นคือ บันทึกลับของทูตสหรัฐอเมริกาที่สนทนากับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และพล.อ.สิทธิ เศวตศิลา โดยเอกชัยปริ้นท์เอกสารนี้มาขายชุดละ 20 บาท

“สังคมเราแยกฝ่ายอย่างหนัก เสพแต่ข้อมูลด้านเดียว สื่อก็ไม่ทำหน้าที่ การทำงานของสื่อต่างประเทศน่าจะเป็นกลางที่สุดในการมองสถานการณ์ เราก็แค่อยากจะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากคนนอกให้คนไทยได้รู้ว่าเขามองอย่างไร” เอกชัยเคยบอกจุดประสงค์ที่เอาซีดีและเอกสารไปขายในม็อบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยชุมนุม ไม่เคยใส่เสื้อแดง  

คดีของเขามีความน่าสนใจหลายประการ เช่น จำเลยขอเรียกพยานที่ปรากฏในวิกิลีกส์คือ พล.อ.เปรม และพล.อ.สิทธิ เศวตศิลา ด้วย แต่ศาลไม่อนุมัติการออกหมายเรียกพยาน ฯลฯ

อ่านคดีย้อนหลังได้ที่

เปิดคำพิพากษา จำคุก 3 ปี 4 เดือน ขายซีดีสารคดีข่าว ABC-วิกิลีกส์ ผิด 112
พรุ่งนี้พิพากษาคดีคนขายซีดี ABC –แถลงปิดคดี ‘สื่อไม่ทำหน้าที่ พลเมืองจึงต้องทำ’
ส.ศิวรักษ์ เบิกความคดีเอกชัย คนขายซีดีสารคดี ABC นัดพิพากษา 28 มี.ค.


ภาพจากเพจ Banrasdr

เอกชัยเกิดในครอบครัวคนจีน ก้มหน้าก้มตาทำมาหากินเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้ใส่ใจการเมืองมากนัก กระทั่งจุดสำคัญที่ทำให้เขาต้องสนใจการเมืองคือเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อ คมช.ทำรัฐประหารในปี 2549 และยกเลิกโครงการ “หวยบนดิน” ของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

รายได้หายหดเพราะการเมือง เขาว่างงานและไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประกอบกับการถกเถียงเรื่องการเมืองก็ร้อนแรงในช่วงนั้น อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่เสรีที่ผู้คนสามารถท่องไปในมหาสมุทรความเห็นและข้อมูลอย่างไม่สิ้นสุด

เขาศึกษาการเมืองด้วยตนเอง พื้นฐานการเป็นคนชอบค้นคว้า ชอบศึกษา อ่านภาษาอังกฤษได้ดี และกระทั่งสามารถเรียบเรียงความคิดได้อย่างเป็นระบบ มันสะท้อนออกในบทความที่เขาเขียนหลังออกจากเรือนจำ เช่น เรื่องประวัติศาสตร์คอมมิวนิสต์ ประวัติศาสตร์การนิรโทษกรรมในประเทศไทย

ย้อนประวัติศาสตร์คอมมิวนิสต์ทั่วโลก และการนิรโทษกรรมในไทย
“ประวัติศาสตร์นิรโทษกรรม” 14 ตุลา- 6 ตุลา- พฤษภา 35

อาจเป็นคำสาปที่เมื่อสนใจศึกษาการเมืองไทยแล้วก็ไม่อาจหลุดจากการเมืองได้อีก จากผู้เพิ่งตื่นรู้ทางการเมือง โดนคดีร้ายแรง ติดคุก ออกมาจึงยังคงเคลื่อนไหวต่อ

“เราใช้เงินตัวเองทั้งนั้น ถึงต้องนั่งรถเมล์ตลอด แต่พอโดนตีจนต้องเข้าเฝือก ก็เลยเอารถเก่ายี่สิบปีของที่บ้านมาขับ (ที่โดนเผา) ตอนนี้ก็ค่อยยังชั่วขึ้นที่มีประชาชนโอนเงินมาช่วยสมทบค่าเดินทางบ้าง แต่ถึงไม่มีก็ยังจะทำต่อไป” เอกชัยระบุ

“เป้าหมายเหรอ แค่ได้รัฐบาลพลเรือน จะเป็นใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ประยุทธ์ และคสช.สืบทอดอำนาจไม่ได้ พอแล้ว คงเลิกประท้วงแล้ว” เอกชัยกล่าว

ตลอด 2 ปีที่เคลื่อนไหวแบบ “ลุยเดี่ยว” เขาตกเป็นผู้ต้องหา/จำเลย 8 คดี

แบ่งเป็นคดี “คนอยากเลือกตั้ง” ผิดพ.ร.บ.การชุมนุม 3 คดี, คดีพ.ร.บ.การชุมนุมจากการไปเปิดเพลง “ประเทศกูมี” หน้ากองทัพบก, คดีแจ้งความเท็จ เนื่องจากไปแจ้งความว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ทำผิดมาตรา 113 นอกจากตำรวจจะเห็นว่าไม่มีมูลแล้วยังแจ้งข้อหาเขาว่าแจ้งความเท็จ, คดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เนื่องจากไปประท้วงหน้ากองทัพบกแล้วไลฟ์สดพูดว่าตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา กองทัพไม่เคยรบชนะเลย และที่เหลือเป็นคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2 คดีจากการโพสต์เรื่องกองทัพไม่เคยรบชนะดังกล่าวและการโพสต์เรื่องทางเพศในเรือนจำ ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นข้อความลามกอนาจาร

กรณีที่เอกชัยเป็นผู้แจ้งความเองมี 8 คดีเช่นกัน ทั้งหมดเป็นเรื่องการทำร้ายร่างกายและเผารถยนต์

ยังไม่นับรวมการบุกยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกหลายอย่าง รวมถึงการยื่นเรื่องต่อแพทยสภาให้ตรวจสอบจริยธรรมของ นพ.เหรียญทอง

ถามว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเขานั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จะทำยังไง

“ก็ต้องหาวิธีป้องกัน ระมัดระวัง”

แค่นั้น? ยังเคลื่อนไหวต่อ?

“คนส่วนใหญ่พอเคลื่อนไหว โดนอะไรนิดหน่อยหายหมด เรารู้สึกว่า ต้องสู้สิวะ ถึงเวลา โดนขู่นิดเดียว โดนเยี่ยมบ้าน ไม่เคลื่อนไหวอีกเลย อาจจะที่บ้านเขาขอร้องหรืออะไรก็ตามแต่ แต่เรารู้สึกว่าถ้ายังเคลื่อนไหวแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่มีประโยชน์ ถ้าคิดจะทำก็ควรเคลื่อนให้มันสุดไปเลย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด”

“ตัวเองก็ไม่มั่นใจ บอกไม่ได้หรอกว่าจะไม่แรงไปกว่านี้ เชื่อแน่ๆ ว่ามีอีก แต่จะโดนอะไรอีกเท่านั้นเอง” เอกชัยกล่าว

ปัจจุบันเอกชัยไม่มีรถขับ และไม่กล้าขึ้นรถเมล์เพราะที่ผ่านมาโดนดักทำร้ายก่อนถึงป้ายรถเมล์หลายครั้ง เขาอาศัยเหมาแท็กซี่คนรู้จักให้มารับส่ง เวลาจะไปไหนมาไหน

นอกจากนี้เขามีความพยายามติดต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อขอคุ้มครองพยาน

“เงื่อนไขค่อนข้างเยอะ เขาจะหาที่พักให้ มีคนดูแล 24 ชม. แต่เวลาไปไหนต้องขออนุญาต ไปเดินห้างหรือทำธุระของเราไม่ได้เลย แต่ไปศาล แบบนั้นได้ และห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามใช้โซเชียล แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับติดคุก ตอนนี้จึงทำเรื่องร้องขอการคุ้มครองบางส่วน เช่น รถยนต์และเจ้าหน้าที่เฉพาะวันที่ต้องขึ้นศาล ทางกรมฯ เขากำลังพิจารณา” เอกชัยระบุ

จากการยุบหวยบนดิน จนถึงวันนี้ดูเหมือนเขาเดินทางมาไกลมาก และเส้นทางเช่นนี้เกิดกับผู้คนอีกเท่าไร ไม่มีใครรู้ชัด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net