Skip to main content
sharethis

6 เม.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินทางลงมาจาก สน.ปทุมวัน หลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับฟังข้อกล่าวหา นายธนาธรระบุว่าโดนแจ้งความใน 3 คดี คือ ม.116 ม.189 ให้การช่วยเหลือและ ม.215 ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยในวันที่ 15 พ.ค. 2562 จะยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง ในส่วนตัวเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของตนเองว่าทุกอย่างได้กระทำอย่างถูกกฎหมาย

นอกจากนี้นายธนาธร ยังระบุว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะระหว่างกระบวนการรับฟังข้อกล่าวหาพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ ส่วนในประเด็นที่คดีนี้ต้องขึ้นศาลทหารนั้น นายธนาธรระบุว่ายังไม่ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมต้องขึ้นศาลทหาร จะต้องปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายก่อน 

นายธนาธรเปิดเผยว่าต้นเหตุที่ทำให้คดีนี้ล่าช้า จากการระบุของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เดินทางมาตรวจสำนวนและสอบปากคำนายธนาธร ให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีได้ย้าย เกษียณอายุราชการ รวมถึงได้เลื่อนยศไป ต้องเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดี ทำให้คดีล่าช้า

ทั้งนี้บรรยากาศโดยรอบ สน.ปทุมวัน มีประชาชนที่รอให้กำลังใจนายธนาธร จำนวนมาก ก่อนจะเดินไปส่งขึ้นรถขบวนแห่ที่เตรียมไว้ก่อนจะประกาศว่า "อย่าทำให้เรื่องนี้ เป็นเรื่องของธนาธร เพราะมันไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของคนที่ต่อสู้เพื่อความไม่เป็นธรรมทุกคน ไม่ใช่แค่ธนาธร ร่วมเดินไปด้วยกัน" พร้อมระบุว่าขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ และขอให้แยกย้ายกันกลับอย่างสงบ

ด้านกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของธนาธร ให้ข้อมูลกับประชาไทกรณีการขึ้นศาลทหารว่าแท้ที่จริงเป็นคดีอาญา จะต้องขึ้นศาลอาญา จะต้องมีการต่อสู้ในเรื่องเขตอำนาจศาลกันอีกหลังยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร

'ธนาธร' รับฟังข้อกล่าวหา สน.ปทุมวัน ประชาชนหลายร้อยรอให้กำลังใจ

อนึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าทางตำรวจจะแจ้งข้อหา 3 ข้อ เป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย ม.189 ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา และ ม.215 มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

โดยคดีนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 และเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญที่ละเอียดอ่อน บช.น. ได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนโดยระหว่างทำการสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้นของ บช.น. จึงมีการตั้งหัวหน้าพนักงานสอบสวนคนใหม่ขึ้นมาในระหว่างที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ส่วนชุดที่ 2 ได้เกษียณอายุราชการก่อน จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานชุดที่ 3 โดยระหว่างสอบสวนนั้น ปรากฎว่าคณะทำงานได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสังกัดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตนจึงเป็นชุดที่ 4 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน พร้อมนำสำนวนมาดู ปรากฎว่าในครั้งนั้นมีการขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยศาลให้ออกหมายเรียกผู้กระทำผิด จึงตรวจสำนวนซ้ำและได้ออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 15 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวน

ความเห็นของ ณัฏฐา 'โบว์' มหัทธนา และ สมบัติ 'บก.ลายจุด' บุญงามอนงค์ เมื่อมาให้กำลังธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ประชาไทสัมภาษณ์โบว์และ บก.ลายจุดในช่วงสาย หลังธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ารับฟังข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน สิ่งที่คล้ายคลึงกันคือทั้งสองต่างมีคดีข้อหา 'ยุยงปลุกปั่น' หรือ ม.116 ด้วยกัน ต่างเพียงมากน้อย

"มาให้กำลังใจธนาธร อีกส่วนหนึ่งก็มาไฮไลท์พฤติกรรมต่อเนื่องของพฤติกรรม คสช. ที่ตั้งข้อหาปิดปากประชาชน เป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง วันนี้เลยมาในธีม Stop Judicial Harassment (หยุดการคุกคามทางกฎหมาย)" ณัฏฐากล่าว

"ตอนนี้มีคดีที่ 5 เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ (5 เม.ย. 62) จะไปรายงานตัววันพฤหัสฯ หน้า คราวนี้มาจาก กกต. คดีทั้งหมดยังไม่ถึงที่สุด จาก คสช. 4 คดี ตอนชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง และล่าสุดเป็นคดีฟ้องหมิ่นประมาทจาก กกต. ที่ไปแชร์ข้อเรียกร้องใน change.org ที่มีการล่ารายชื่อถอดถอน กกต. ซึ่งดูเนื้อหาแล้วไม่มีข้อความหมิ่นประมาท แต่เป็นการคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมให้สังคมหวาดกลัว" ณัฏฐาจำแนกเรื่องคดียาวเหยียด

ด้าน บก.ลายจุดก็มาให้กำลังใจธนาธรในฐานะน้องใหม่ของ 'คลับ 116'

"มาให้กำลังธนาธรเพราะเป็นสมาชิกใหม่ในคลับ 116 ที่ผมโดนไปสองคดี" สมบัติกล่าว

"116 ใบแรกคือตอนยึดอำนาจปี 2557 แล้วผมเขียนวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร เขาก็แจกให้ใบหนึ่ง ขึ้นศาลทหาร คดียังไม่จบ อีกใบก็ตอนที่คนอยากเลือกตั้งเขามารณรงค์เรื่องการเลือกตั้งไม่ให้เลื่อน ที่มาบุญครอง ยืนให้สัมภาษณ์กับวีระ สมความคิดก็โดนอีกใบหนึ่ง"

"ผมยังไม่สิ้นหวัง การเลือกตั้งที่ผ่านมามันเห็นบรรยากาศของประชาชน ตัวตนจริงๆ เสียงที่ออกมายืน แสดงความเห็นที่จะเปลี่ยนเเปลงอนาคตของประทเศ โดยเฉพาะเสียงของคนหนุ่มสาว ยอมรับว่าไม่เคยเห็น ในช่วงที่ติดตามการเมืองมา ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ขนาดนี้ และยังมีโอกาสก่อรูปขบวน โดยมีธนาธรและ อนค. เป็นแกนนำ"

"พูดตรงๆ นะ คดีนี้มันขัดสายตาประชาชน 2-3 วันนี้ที่ฟ้องศิโรตม์ โบว์ มันค้านสายตาประชาชน นี่เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เราต้องออกมา มันไม่ไหว มันเป็นการรังแกกันเห็นๆ"

สมบัติเห็นด้วยกับ ผบ.ทบ (พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์) ที่ว่าโซเชียลมีเดียเป็นอาวุธที่ทรงพลัง แต่ขอให้สู้กันด้วยข้อมูล ลดความเกลียดชัง แล้วโซเชียลมีเดียจะกลายเป็นพื้นที่เรียนรู้อีกที่หนึ่ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net