Skip to main content
sharethis

สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ แถลงการณ์ไล่ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 ออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามซ้ำซาก พร้อมทั้งประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาต่อช่อง 7 และบุคคลต่างๆ ที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์


ที่มาภาพ: เฟสบุ๊ค Shukur Dina

8 เม.ย. 2562 อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) แจ้งข่าวผ่านเฟสบุ๊ค ว่าวันนี้ (8 เม.ย.) ณ โรงเรียนบุสตานุดดีน อ.จะนะ จ.สงขลา สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้นำโดยนายขดดะรี บินเซ็นต์ และตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จากจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และพัทลุง กว่า 50 คน ร่วมแถลงการณ์ไล่ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 ออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฐานที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามซ้ำซาก เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไปและกระทบกระบวนการพูดคุยสันติภาพ 

นอกจากนี้สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ยังประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาต่อช่อง 7 และบุคคลต่างๆ ที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ดังรายละเอียดในแถลงการณ์ดังนี้

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน 

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2562 ทางช่อง 7 สีได้รายงานข่าวกล่าวหาว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐสนับสนุนปีละหลายพันล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเม็ดเงินดังกล่าวถูกใช้ไปในทางที่ผิด และบางส่วนถูกใช้สนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่เป็นสถานที่บ่มเพาะแนวคิดแบ่งแยกดินแดน เป็นสถานที่คัดเลือกบุคคลเข้าร่วมขบวนการ เป็นสถานที่ฝึกร่างกายก่อนส่งไปฝึก RKK และเป็นสถานที่รวบรวมเงินบริจาคจากสมาชิกขบวนการในพื้นที่และที่ร้ายที่สุดกล่าวหาจัดการศึกษาไม่ได้คุณภาพ ในการนี้ทางสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ ขอออกแถลงการณ์ดังนี้

1. ขอให้สื่อมวลชน มีจรรญาบรรณในการนำเสนอข่าวพร้อมทั้งนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านเพราะมันเป็นมิติความมั่นคงและจะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ จชต.

2. ฟ้องร้องดำเนินคดีทางเเพ่งและอาญาต่อช่อง 7 และบุคคลต่างๆที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

3. ขอให้หน่วยงานรับผิดชอบให้เข้าตรวจสอบอย่างเป็นธรรมทุกสังกัด ไม่เฉพาะเจาะจงเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ภายใต้กฎหมายไทย และต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้นคำสั่งใดที่ไม่เป็นธรรมขอให้ยกเลิกและสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อสั่งคุ้มครองชั่วคราว

4. ดำเนินคดีและสั่งย้ายต่อผู้บริหารระดับสูงของหน่วยความมั่นคงที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ซ้ำซาก)เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไป สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วนในแก้ปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านมิติการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

5. พิจารณาใหม่เรื่องกฎระเบียบของรัฐเกี่ยวเงินอุดหนุนรายหัวที่เหมาะสมกับโรงเรียนเอกชนสอนสอนศาสนาอิสลามซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนสามัญ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับเงินเสี่ยงภัยที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของจำนวนบุคคลากรเพราะว่า ความเป็นจริงในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมีการเรียนการสอน 2 หลักสูตร คือ สามัญศึกษาจากปฐมวัยถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอิสลามศึกษา (หลักสูตรศาสนา) เด็กแต่ละคนเรียนสองหลักสูตร ดังนั้น กระบวนการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจะต้องจ้างบุคลากรทั้งศาสนา สามัญ จึงทวีคูณ 2 เท่าส่งผลให้การบริหารงานโรงเรียนแต่ละโรงจะต้องจ่ายเกือบสองเท่าของโรงเรียนเอกชนปกติที่คิดการอุดหนุนรายหัวเท่ากัน

6. จัดตั้งสภาการศึกษาชายแดนภาคใต้ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกับการจัดการศึกษาแทนที่ที่หรือคู่ขนานกับกระทรวงศึกษาส่วนหน้า

แถลงมา ณ วันที่ 8 เม.ย. 2562
สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net