Skip to main content
sharethis

 

กลุ่มคัดค้านการสำรวจแร่โปแตชในพื้นที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ประมาณ 100 คน ไม่ยอมไกล่เกลี่ย บ.เหมืองโปแตช ยันสู้คดีถึงที่สุด หลัง บ.ไซน่า หมิงต๋าฯ ฟ้องคดีแพ่งข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย กิจตกรณ์ น้อยตาแสง จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 9 คน เป็นจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท 

10 เม.ย.2562 วันนี้ เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลจังหวัดสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ชาวบ้านกลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส ซึ่งเป็นกลุ่มคัดค้านการสำรวจแร่โปแตชในพื้นที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาตามหมายนัดของศาล คดีดำเลขที่1133/2561 โดยบริษัท ไซน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้มอบหมายให้ทนายความ ฟ้องคดีแพ่งข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย กิจตกรณ์ น้อยตาแสง จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 9 คน เป็นจำนวนเงิน 3,611,609.99 บาท (สามล้านหกแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันหกร้อยเก้าบาทเก้าสิบเก้าสตางค์)

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 9-14 พ.ค.61 ซึ่งบริษัท ไซน่า หมิงต๋าฯ ได้ขนถ่ายอุปกรณ์ขุดเจาะสำรวจโปแตชเข้าไปในบริเวณลำห้วยสีดอกกาว อยู่ในท้องที่บ้านน้อยหลักเมือง ต.วานรนิวาส เพื่อทำการสำรวจแร่โปแตช หลุมที่ 4 ในแปลงอาชญาบัตรพิเศษเนื้อที่รวมทั้งหมด 120,000 ไร่ กลุ่มชาวบ้านและประชาชนทั่วไปในอำเภอวานรนิวาสซึ่งไม่เห็นด้วยกับการทำเหมืองแร่ จึงได้ออกมารวมตัวกันคัดค้านการสำรวจแร่ของบริษัทและเรียกร้องให้นายอำเภอวานรนิวาสมีคำสั่งให้ยุติการสำรวจออกไปก่อน จนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายดังกล่าว รวมทั้งคดีอาญาซึ่งเจ้าพนักงานอัยการได้พิจารณาแล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยศาลได้นัดคู่ความทั้งสองฝ่ายเพื่อมาไกล่เกลี่ยยอมความกันก่อนตั้งแต่เมื่อวาน (9 เม.ย.) จนถึงวันนี้ เพราะศาลเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าจะไกลเกลี่ยหรือมีข้อยุติในทางที่ดี แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้

สักกพล ไชยแสงราช ทนายความฝ่ายจำเลยทั้ง 9 คน ได้กล่าวกับกลุ่มชาวบ้านว่า เงื่อนไขการเจรจาไกลเกลี่ยในสองวันนี้คือห1ึ่งให้ถอนฟ้องโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งทางบริษัทไม่รับเงื่อนไขนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อถอนไปแล้วกลุ่มชาวบ้านและเก้าคนนี้จะมาขัดขวางการขุดเจาะสำรวจของเขาอีกหรือไม่ กรณีที่สองคือบริษัทจะยอมถอนฟ้องแบบมีเงื่อนไขโดยกำหนดเงื่อนไขว่าห้ามไม่ให้ทั้งเก้าคนและชาวบ้านคนอื่นๆ เข้าไปขัดขวางการขุดเจาะสำรวจ พร้อมทั้งวางเงินมัดจำเพื่อเป็นหลักประกันจำนวน 1,500,000 บาทไว้ด้วย นอกจากนี้ก็ให้อยู่ในกรอบของกฎหมายทั้งสองฝ่าย คือให้ฝ่ายบริษัทขุดเจาะสำรวจไปโดยที่ไม่กระทำการขัดต่อกฎหมายสิ่งแวดล้อม ก่อความรำคาญเสียงดัง หรือถ้าหากทำอะไรก่อความเสียหายต่อชาวบ้านๆ ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์หรือมีหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยงข้องให้ดำเนินการกันไป ซึ่งฝ่ายเราก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้เช่นกัน

“เมื่อตกลงกันไม่ได้ฝ่ายเราและบริษัทไม่ยอมรับเงือนไข ขั้นตอนต่อไปก็คือการสืบพยาน ซึ่งในประเด็นที่จะสู้คดีนี้ทางผมไม่มีข้อกังวลใจใดๆ ทั้งสิ้นเพราะว่าคดีละเมิดเราก็รู้อยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ของชาวบ้านเก้าคนนี้ ไม่เป็นเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อบริษัท” ทนายสักกพลกล่าว

มะลิ  แสนบุญศิริ แกนนำชาวบ้านกลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส และเป็นหนึ่งในจำเลยที่ถูกฟ้องเก้าคน กล่าวว่า สิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราต่อสู้เพื่อบ้านของเราและสิทธิของเรา ซึ่งไม่ยอมให้เหมืองแร่เกิดขึ้นในชุมชนของเรา วันนี้จึงเป็นการพิสูจน์ความเข้มแข็ง ความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกลุ่ม หากว่าเรายอมเขาแล้วเราจะไปบอกกับชาวบ้านที่ต่อสู้ด้วยกันมาว่าอย่างไร

“เราไม่ยอมรับเงื่อนไขที่จะมาบอกว่าให้เราเลิกต่อสู้เพื่อแลกกับคดีความ ซึ่งพวกเราทั้งเก้าคน พร้อมทั้งชาวบ้านในกลุ่ม ก็เตรียมพร้อมที่จะสู้คดีอยู่แล้ว และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะเราไม่ได้ทำผิดอะไร เราปกป้องบ้านของเราจากการรุกรานของนายทุนเหมือง” มะลิกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net