Skip to main content
sharethis

เร่งช่วยเหยื่อไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ ประกันสังคมเตรียมจ่าย 2.8 ล้าน

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน แสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ห้องเก็บเอกสาร อาคารสำนักงานชั้น 8 ซึ่งเป็นอาคารบี ทางเชื่อมเข้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมานั้น โดยได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พบว่า ระบบดับเพลิงอัตโนมัติและระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ไม่ทำงาน ซึ่งหากเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.2555

ข้อ 2 ระบุว่าให้นายจ้างจัดให้มีระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการตามกฎกระทรวงและต้องดูแลระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

และข้อ 14 กรณีนายจ้างจัดให้มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องเปิดวาล์วประธานที่ควบคุมระบบจ่ายน้ำเข้าหรือสารดับเพลิงอื่นอยู่ตลอดเวลาและให้มีผู้ควบคุมดูแลให้ใช้งานได้ตลอดเวลา ต้องติดตั้งสัญญาณเพื่อเตือนภัยในขณะที่ระบบดับเพลิงอัตโนมัติกำลังทำงาน และต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำหรือสารดับเพลิงอื่นจากหัวฉีดดับเพลิงโดยรอบ

ทั้งนี้ มาตรา 53 หากนายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในส่วนลูกจ้างของบริษัทฯ จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่เสียชีวิต ทายาทจะได้สิทธิเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ได้แก่ 1. นายศักดิ์ชัย เจริญลาภ อายุ 37 ปี จะได้ค่าทำศพ 33,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต 1,260,000 บาท และเงินสะสมกรณีชราภาพ 131,631.20 บาท รวมเป็นเงิน 1,424,631.20 บาท และทายาทของ

2. นายอาทิตย์ คำสาย อายุ 41 ปี จะได้ค่าทำศพ 33,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต 1,260,000 บาท และเงินสะสมกรณีชราภาพ 98,309.06 บาท รวมเป็นเงิน 1,391,309.06 บาท ทั้งนี้ รมว.แรงงาน จะเป็นผู้มอบเงินสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคมเพื่อช่วยเหลือแก่ทายาทผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายในวันที 18 เมษายนนี้

ส่วนลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสำลักควันไฟจำนวน 15 ราย ขณะนี้ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 10 ราย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 5 ราย กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าทดแทนการขาดรายได้ให้ตามกฎหมาย

ที่มา: ข่าวสด, 11/4/2562

แรงงานแห่กลับบ้านฉลองสงกรานต์ แน่นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ในช่วงเย็นที่ผ่านมาเป็นไปคึกคัก เพราะนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวและชาวลาวเดินทางเข้า-ออกตามปกติแล้ว ยังมี มีแรงงานชาวลาวทยอยเดินทางกลับประเทศ เพื่อไปฉลองสงกรานต์ที่ถือเป็นปีใหม่ของ สปป.ลาว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้เสริมเจ้าหน้าที่ในการคอยให้บริการและอำนวยความสะดวกในด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและเปิดให้บริการทุกตู้ อีกทั้ง ยังได้มีการแยกตู้ในการให้บริการแรงงานชาวลาวที่เดินทางกลับประเทศโดยเฉพาะ เพื่อจะได้ไม่ไปแออัดกับนักท่องเที่ยว ชาวไทยและชาวลาวที่เข้า-ออกตามช่องทางปกติ และเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการอีกด้วย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจเข้ม เพื่อป้องกันกระทำผิดกฎหมายในช่วงที่มีคนเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้แรงงานชาวลาวเดินทางกลับประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์เนื่องจากทางรัฐบาลไทยได้มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเดินทางออกนอกประเทศและกลับเข้าประเทศ ของแรงงาน ลาว กัมพูชา และเมียนมา ในช่วงสงกรานต์ 5 – 30 เม.ย. 2562 ที่ปกติต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 1,000 บาท โดยแรงงานต้องมีหนังสือที่ออกรับรองให้ใช้คู่กับบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตม.หนองคาย ได้ประชาสัมพันธ์ให้แรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานชาวลาวได้ทราบสิทธิการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเดินทางออกนอกประเทศและกลับเข้าประเทศ พร้อมทำความเข้าใจว่าจะต้องเข้า-ออกในจุดเดียวกัน ที่สำคัญต้องกลับก่อนวันที่ 30 เมษายน 2562 ถ้ากลับเข้ามาช้ากว่าที่กำหนดก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามปกติ

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, 11/4/2562

รัฐบาลองค์กรนายจ้างและองค์กรลูกจ้าง ร่วมเปิดตัวแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าฉบับแรกของประเทศไทย 2562-2564

ในโอกาสครบรอบหนึ่งร้อยปีแห่งความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย องค์กรนายจ้างและองค์กรลูกจ้าง เปิดตัวแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าฉบับแรกของไทย (ปี พ.ศ. 2562-2564)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย สภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทยและสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำประเทศไทย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่อง แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย พ.ศ. 2562 – 2564 วันนี้ ในงานหุ้นส่วนเพื่องานที่มีคุณค่าที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีแห่งการก่อตั้งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และการเป็นสมาชิก ไอแอลโอ ของประเทศไทย (พ.ศ. 2462-2562) โดยมีผู้เข้าร่วมงาน 350 คน และงานหุ้นส่วนเพื่องานที่มีคุณค่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมถ่ายทอดสด 24 ชั่วโมงรอบโลกของ ไอแอลโอ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานในพิธีกล่าวว่าการเปิดตัวแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการยืนหยัดเคียงคู่กับ ไอแอลโอ เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิแรงงาน สร้างความยุติธรรมทางสังคมรวมถึงเป็นการแสดงถึงความพร้อมที่ทุกฝ่ายจะจับมือกันก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 2 อย่างมั่นคง

แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าเป็นกรอบการทำงานหลักของ ไอแอลโอ ในการให้การสนับสนุนประเทศสมาชิก โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานและผลลัพธ์ที่ชัดเจนตามลำดับความสำคัญ นายแกรม บักเลย์ ผู้อำนวยการ สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำประเทศไทย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง องค์การแรงงานระหว่างประเทศ การลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและ ไอแอลโอ ที่เวียนมาครบรอบ 100 ปีในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่องค์กรไตรภาคีในประเทศไทยมีฉันทามติที่จะดำเนินงานร่วมกันภายใต้แผนนี้เพื่อส่งเสริมให้เกิดงานที่มีคุณค่าในประเทศไทยและใช้เป็นแนวทางในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในปีที่จะมาถึง

แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ การดำเนินงานตามแผนงานระดับชาติเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ องค์กรนายจ้างและองค์กรลูกจ้าง โดยได้รับความช่วยเหลือด้านวิชาการจาก ไอแอลโอ และการสนับสนุนจากนานาประเทศ

เป้าหมายแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย (ปี พ.ศ. 2562-2564) มีดังนี้

- การส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของการจ้างงานที่ดีและมีประสิทธิผล

- การสร้างความเข้มแข็งในการคุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่เปราะบาง และ

- การเสริมสร้าง การกำกับดูแลตลาดแรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ

ที่มา: ILO, 11/4/2019

แรงงานพม่าแห่รอข้ามฝั่งแม่สอดเตรียมฉลองสงกรานต์บ้านเกิดนับแสน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าด่านพรมแดนถาวรแม่สอด ติดกับเชิงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 1 อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงเต็มไปด้วยแรงงานสัญชาติพม่า ที่พากันนั่งรถบัส-รถตู้โดยสารแบบไม่ประจำทางนับร้อยๆ คันมาจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มารอทำพิธีการผ่านแดนเพื่อข้ามฝั่งกลับไปฉลองสงกรานต์บ้านเกิดกันอย่างเนืองแน่นต่อเนื่อง

กลุ่มแรงงานนับหมื่นคนซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาทั้งครอบครัว ที่ต่างเหนื่อยล้าจากการเดินทางยาวไกลกว่า 10 ชั่วโมง จนหลายคนเกือบจะเป็นลมเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปให้การช่วยเหลือ พร้อมเสริมกำลังอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการผ่านแดน

นอกจากนี้ยังมีแรงงานพม่าอีกจำนวนมาก ซึ่งไม่เดินทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ต่างพากันไปรออยู่บริเวณท่าข้ามธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำเมย เพื่อนั่งเรือข้ามฝั่งจากแม่สอดไปเมียวดี จนทำให้คนล้นเรือ และเรือมีไม่เพียงพอเพราะมีผู้โดยสารนับหมื่นคน

เจ้าหน้าที่ ตม.แม่สอดระบุว่า ปีนี้มีแรงงานที่กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์กันมากกว่าทุกปี เฉลี่ยวันละเกือบสองหมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่มีการลงขันเช่าเหมารถตู้โดยสาร-รถกระบะเพื่อขนกระเป๋าสัมภาระโดยเฉพาะ คาดว่าตลอดเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีแรงงานพม่ามาทำพิธีการผ่านแดนที่ชายแดนแม่สอดเพื่อกลับบ้านเกิดกันมากกว่า 1 แสนคน

ขณะที่บนทางหลวงแผ่นดินที่ 12 ที่บริเวณวงเวียนใหญ่นครแม่สอด ถนนมุ่งหน้าชายแดนไทย-พม่า เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงตากที่ 2 พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด และหน่วยกู้ชีพ 5 อำเภอชายแดนแม่สอด ได้ร่วมกันปล่อยแถวเจ้าหน้าที่พร้อมรถอุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัยและรถดับเพลิงเคลื่อนที่เร็วออกไปประจำจุดเสี่ยงอันตรายบนถนนสายแม่สอด-ตาก ซึ่งเป็นถนนเส้นทางภูเขาสูงชันระยะทางยาวกว่า 90 กิโลเมตร พร้อมตั้งจุดตรวจคนขับรถขนส่ง-รถโดยสารทุกชนิดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาถนนสายแม่สอด-ตากเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 11/4/2562

ปตท.ตั้ง 'สำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน' ตาม กม.แรงงานใหม่ 2.9 พันล้านบาท

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานงบการเงินรวมของ ปตท.ในไตรมาส 2/62 จะถูกกระทบจากการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในไตรมาสนี้ ประมาณ 2.9 พันล้านบาท ตามการตั้งสำรองของบริษัทลูกในกลุ่ม

แต่ในส่วนเฉพาะ ปตท.ซึ่งเป็นบริษัทแม่จะไม่มีการตั้งสำรองในส่วนนี้ เพราะการดำเนินงานของ ปตท.อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานรัฐวิสหกิจสัมพันธ์

อนึ่ง บริษัทลูกในกลุ่ม ปตท.ที่จะมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราว 572 ล้านบาท, บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ประมาณ 40.3 ล้านบาท ,บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ประมาณ 760 ล้านบาท ,บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ราว 800 ล้านบาท ,บมจ.ไทยออยล์ (TOP) จำนวนประมาณ 300 ล้านบาท เป็นต้น

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, 10/4/2562

แรงงานสั่งคุมเข้ม จับกุมผู้กระทำผิดลักลอบทำงานต่างประเทศ

นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศเกรงว่าจะถูกหลอกเสียเงินฟรี และยังถูกลอยแพอยู่ในต่างประเทศเพราะไม่มีงานให้ทำ ต้องอยู่อย่างหลบซ่อน โดยได้สั่งการให้ด่านตรวจคนหางานของกรมการจัดหางานเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น กรมการจัดหางานได้ระงับการเดินทางของผู้ที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศและให้การยอมรับว่าจะไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 261 คน โดยระงับไปเกาหลีใต้มากที่สุด 213 คน คิดเป็นร้อยละ 81.61 ของผู้ที่ถูกระงับการเดินทาง รองลงมาเป็นบาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และอิหร่าน ตามลำดับ

ขณะที่มีคนหางานเดินทางไปทำงานต่างประเทศผ่านด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ จำนวน 6,137 คน ยังคงนิยมไปไต้หวันมากที่สุด จำนวน 2,096 คน คิดเป็นร้อยละ 34.16 รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ อิสราเอล ญี่ปุ่นตามลำดับ

สำหรับพฤติกรรมการหลอกลวงนั้นพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพยังคงนิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการโฆษณาชักชวนให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย และขอย้ำเตือนว่าผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

โดยคนหางานสามารถสอบถามข้อมูลการไปทำงานต่างประเทศหรือแจ้งเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน โทร. 0-2248-4792 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน นางเพชรรัตน์ฯ กล่าว

ที่มา: ข่าวสด, 10/4/2562

ชมรม ผอ.รพ.สต.หนุนถ่ายโอนไปสังกัด อบจ. ชี้พร้อมกว่าทั้งคนเงินของและความก้าวหน้า

นายสมศักดิ์ จึงตระกูล ประธานชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (ผอ.รพ.สต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการกระจายอำนาจถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ไปอยู่กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงสิ้นสุดแผน 2 ของ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และในระหว่างนี้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมการเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติแผน 3 เพื่อบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ต่อ

ขณะเดียวกันได้มีการตั้งคณะทำงานเตรียมการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยมีผู้แทนจาก อบจ. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนจากชมรม ผอ.รพ.สต. เป็นคณะทำงาน โดยคณะทำงานได้มีการประชุมกันหลายครั้ง ซึ่งในส่วนของของชมรม ผอ.รพ.สต.มีทิศทางว่าการถ่ายโอน รพ.สต. ไป อปท. ควรถ่ายโอนไปแบบพวงบริการที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือ อปท.ขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความพร้อมและศักยภาพทั้งคน เงิน ของสูงกว่า อปท.ขนาดเล็ก และการถ่ายโอนไปเป็นพวงบริการทั้งจังหวัดยังยึดโยงเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใน รพ.สต. ได้เหมือนเดิม

นายสมศักดิ์ ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ อปท.มีสัดส่วนรายจ่ายประจำไม่เกิน 40% ซึ่ง อบจ.มีสัดส่วนรายจ่ายประจำอยู่ที่ประมาณ 30% นิดๆ แต่หากเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือ อปท. ขนาดเล็ก มีรายจ่ายส่วนนี้เกือบ 40% แล้ว จึงเป็นอุปสรรคในการสนับสนุนเรื่องคนเงินของแก่ รพ.สต. นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าการที่บุคลากรสาธารณสุขจะย้ายไปสังกัดท้องถิ่นก็ต้องมองเรื่องความก้าวหน้าและขวัญกำลังใจ ในอดีตที่ผ่านมาพบว่าโอกาสก้าวหน้าของบุคลากรใน รพ.สต. 51 แห่งที่ถ่ายโอนไปสังกัด อปท. ก่อนหน้านี้ยังมีน้อยอยู่ ไม่มี ผอ.รพ.สต.คนไหนได้ระดับชำนาญการพิเศษหรือซี 8 แต่ถ้าไปสังกัด อบจ. ก็มีโอกาสที่จะได้ซี 8 สูงกว่าเพราะไม่ติดเรื่องจำนวนเม็ดเงิน และผู้บังคับบัญชาระดับผู้อำนวยการกองหรือปลัด อบจ. มีซีสูงกว่าลดหลั่นตามลำดับ

อย่างไรก็ดี เงื่อนไขที่ ชมรม รพ.สต. ได้หารือกับสมาคม อบจ. คือการที่ รพ.สต. โดยเฉพาะผู้อำนวยการ รพ.สต. จะโอนย้ายไปเป็นบุคลากรท้องถิ่น มีความจำเป็นต้องไปปรับปรุงแก้ไขกฎหมายระเบียบและหลักเกณฑ์บางฉบับของท้องถิ่น โดยหากจะถ่ายโอนไปอยู่กับ อบจ. บุคลากร รพ.สต. ต้องไม่ไปนั่งรักษาการในตำแหน่งในระยะเวลาที่ท้องถิ่นนั้นกำหนด เช่น บังคับว่าต้องไปนั่งรักษาการในตำแหน่งหัวหน้า รพ.สต. 2-3 ปีแล้วจึงจะสามารถเข้าสู่ตำแหน่งนักบริหารสาธารณสุขได้ ซึ่งถ้าจะให้ รพ.สต. ถ่ายโอนไปได้ต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์เหล่านี้

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นอื่นๆ เช่น การถ่ายโอนก็ต้องถ่ายโอนลูกจ้างไปด้วย หรือโครงสร้างอัตรากำลังขนาด S M L ทางท้องถิ่นควรเอาไปใช้ได้เลยแล้วเติมคน เงิน ของ ให้สอดคล้องกับกรอบโครงสร้างซึ่ง รพ.สต.เคยใช้ขณะที่ยังอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขเอง แน่นอนว่าต้องการให้ รพ.สต.อยู่กับกระทรวงต่อ อย่างไรก็ดี มันมีความจำเป็นที่ รพ.สต.ต้องเตรียมพร้อมในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในข้างหน้าเพราะเป็นกฎหมาย เมื่อกฎหมายกำหนดให้ไป ทิศทางการกระจายอำนาจกำหนดให้ไป รพ.สต.ก็ต้องไป แต่ต้องไปภายใต้เงื่อนไขที่เตรียมพร้อม ถ้า รพ.สต.อยู่เฉยๆ ทางท้องถิ่นก็จะไม่ทราบว่าต้องการอะไร ติดขัดอะไร ทางชมรม ผอ.รพ.สต.จึงจำเป็นต้องหารือกับ อปท. ในเรื่องเหล่านี้เตรียมไว้ก่อน

ที่มา: Hfocus, 9/4/2562

ไปอย่างถูกกฎหมาย 100% กรมการจัดหางานประกาศรับรับสมัครพนักงานนวดทำงานมาเลเซีย 18 อัตรา ตั้งแต่ 9-22 เม.ย. 2562 นี้

กรมการจัดหางาน ประกาศรับสมัครพนักงานนวดชาย-หญิงไปทำงานมาเลเซียกับนายจ้างบริษัท BEA Therapy Sdn. Bhd. รับ 18 อัตรา จ้างงาน 2 ปี ต่อสัญญาได้อีก 2 ปี เงินเดือนกว่า 17,000 บาท ฟรีตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก-อาหาร มีประกันเงินทดแทนและประกันสุขภาพ สมัครตั้งแต่วันที่ 9 – 22 เม.ย. 2562 ย้ำระวังนายหน้าแอบอ้างว่าสามารถจัดส่งไปทำงานได้ หวั่นถูกหลอกเสียเงินฟรี

นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน แจ้งว่า กรมการจัดหางาน รับสมัครคนหางาน เพื่อไปทำงานกับนายจ้างบริษัท BEA Therapy Sdn. Bhd. ในประเทศมาเลเซีย จำนวน 18 อัตรา เงินเดือน 2,200 ริงกิต หรือประมาณ 17,200บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 8 เมษายน 2562) ระยะเวลาการจ้าง 2 ปี ต่อสัญญาได้อีก 2 ปี นายจ้างจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าอาหาร 600 ริงกิตต่อเดือน ไม่มีการหักเงินเดือนสำหรับค่าใบอนุญาตทำงาน นายจ้างจัดเตรียมที่พักให้ฟรีภายในร้านหรือที่พักที่เหมาะสมตามดุลยพินิจ ลูกจ้างจะทำงานเป็นกะ ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และ 6 วันต่อสัปดาห์ นายจ้างรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ เมื่อทำงานครบสัญญาจ้าง 2 ปี นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ไม่เกิน 250 ริงกิตต่อปี พร้อมทำประกันเงินทดแทน และประกันสุขภาพให้ตามที่รัฐบาลมาเลเซียกำหนด

คุณสมบัติเพศหญิงและเพศชาย อายุระหว่าง 30 – 44 ปี สามารถนวดแผนไทยสุคนธบำบัด นวดเท้า สครับ มาสค์ และสปาบำบัดอื่น ๆ มีใบประกาศนียบัตรผ่านการอบรมหลักสูตรนวดแผนไทยหรือนวดเท้า จากสถาบันที่ได้รับการรับรองจำนวน 150 ชั่วโมง หรือผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประเภทการนวดไทย ระดับ 1 ผู้สนใจยื่นหลักฐานการสมัคร ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว สำเนาหนังสือเดินทาง (ถ้ามี) ประกาศนียบัตรผ่านการฝึกอบรมนวดแผนไทยหรือนวดเท้า สมัครด้วยตนเองพร้อมหลักฐานได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ อาคารสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 ชั้น 10 ถ.มิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพฯ

นางเพชรรัตน์ฯ กล่าวอีกว่า การรับสมัครในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการจัดส่งไปทำงานโดยวิธีรัฐจัดส่ง คนหางานไม่ต้องเสียค่าสมัครหรือค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงานจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ได้แก่ ค่ารูปถ่ายค่าหนังสือเดินทาง (กรณียังไม่มี) ค่าตรวจสุขภาพ ค่าตรวจสอบประวัติของกรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย (ISC) ค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 7,500 บาท ดังนั้นจึงอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยจัดส่งไปทำงานได้ โดยหลอกให้จ่ายค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้า เพราะอาจถูกหลอกเสียเงินฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-245-1034 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือติดตามได้ที่ www.doe.go.th/overseas

ที่มา: กรมการจัดหางาน, 8/4/2562

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net