Skip to main content
sharethis

อดุลย์ ภู่ภัทรางค์ นายกสมาคมผู้บริหาร รร. สังกัด อบจ. ระบุ การปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติมีข้อกังขาในเรื่องคำนิยาม ที่ยังไม่มีความแน่ชัดเรื่องผลตอบแทนที่ครูจะได้รับ ย้ำ ควรรอรัฐบาล-สภาที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา

อดุลย์ ภู่ภัทรางค์ 

อดุลย์ ภู่ภัทรางค์ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย (ส.บ.อ.ท.) กล่าวในประเด็นคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) มีการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงศึกษาธิการว่า 
สาระสำคัญของร่างดังกล่าวมีสิ่งที่ดี เหมาะสมในการจัดการปฏิรูปการศึกษาพอสมควร แต่มีประเด็นที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษายังสงสัยในบางเรื่อง โดยเฉพาะการกำหนดนิยามให้เรียกผู้บริหารสถานศึกษา "ครูใหญ่" นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเป็นใบรับรองความเป็นครูนั้นมีข้อสงสัยในการปรับเปลี่ยนว่าอาจจะมีผลกระทบต่อผลตอบแทนที่จะได้รับเดิม แม้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาจะมีการชี้แจงไปบ้างแล้ว พร้อมเปิดการรับฟังความคิดเห็น แต่คงจะไม่ทันการยื่นเรื่องเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอย่างแน่นอน ในการนี้ ส.บ.อ.ท. รวมทั้งสมาคมและองค์กรวิชาชีพครูอื่นๆ ก็พอจะรับได้ว่า ร่างกฎหมายนี้ควรให้รัฐบาลชุดใหม่สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้ง เข้ามาพิจารณาดำเนินการ

อดุลย์กล่าวต่อไปว่า ล่าสุด (เมื่อ 3 เม.ย. 2562) รับทราบข้อมูลว่ากระทรวงศึกษาธิการพยายามจะผลักดันให้ร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับในรัฐบาลปัจจุบันในลักษณะพระราชกำหนด ซึ่งสาระบางประการของร่างฯ มีผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของประเทศชาติ หากดำเนินการผลักดันเร่งรัดให้ออกมาเป็นพระราชกำหนดก็อาจขัดกับบทบัญญัติแห่งมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยแห่งสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องกันภัยภิบัติสาธารณะ พระมหากษัตริย์จะทรงตราพระราชกำหนด ให้ใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติก็ได้”  ดังนั้นการที่จะผลักดันให้ร่างกฎหมายนี้เป็นพระราชกำหนดจึงไม่น่าจะทำได้ ประกอบกับขณะนี้การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรก็ดำเนินการไปแล้ว ต่อไปก็จะมีรัฐบาลใหม่ โดยมารยาทจึงควรที่จะรอรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งได้พิจารณาดำเนินการต่อไป  ดังนั้น หากมีการดำเนินการที่จะให้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ สมาคมและองค์กรวิชาชีพครูคงจะร่วมมือกันคัดค้าน และอาจต้องแสดงพลังร่วมกันให้สาธารณะชนอื่นได้รับรู้ ดังนั้น หากจะให้บ้านเมืองเรามีความสงบเรียบร้อย เกิดความรักสามัคคี ขอให้กระทรวงศึกษาธิการรวมทั้งรัฐบาลได้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net