Skip to main content
sharethis

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจี้ DSI เร่งรัดสืบสวนสอบสวนคดี รัฐบาลเร่งออก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .....  ขอให้ชดใช้เยียวยาให้แก่ครอบครัวของบิลลี่ที่ต้องสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไป รวมทั้งแก้ไขเยียวยาปัญหาให้แก่ชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ที่ถูกบังคับโยกย้ายขับไล่

แฟ้มภาพ kim chaisukprasert

17 เม.ย.2562 เนื่องในวาระครบรอบ 5 ปีการหายตัวไปของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน หลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากนั้นก็ไม่มีผู้พบเห็นเขาอีกเลย ก่อนที่จะหายตัวไป บิลลี่เป็นนักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยง เขากำลังร่วมมือกับชาวบ้านคนอื่นและนักเคลื่อนไหวในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อเตรียมฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้านระหว่างปี 2553 และ 2554 นั้น

วันนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ชื่อว่า "ห้าปีการหายไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ บทพิสูจน์ความล้มเหลวของรัฐไทยในการสอบสวนคดีและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ" เรียกร้องต่อหน่วยงานและรัฐบาลไทย  5 ประเด็น ประกอบด้วย ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งรัดสืบสวนสอบสวนคดีการหายตัวไป ขอให้ป.ป.ท. เร่งรัดการสอบสวนและชี้มูลคดีที่มีการกล่าวหาว่า ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทธยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและแจ้งความคืบหน้าของคดีให้แก่สังคมทราบด้วยเช่นกัน

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยังขอให้รัฐบาลเร่งออก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .....  ขอให้ชดใช้เยียวยาให้แก่ครอบครัวของบิลลี่ที่ต้องสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไป รวมทั้งแก้ไขเยียวยาปัญหาให้แก่ชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกลุ่มหนี่ง แย่งยึดที่ดินอยู่อาศัยและทำกิน เผาทำลาย บ้านเรือน ยุ้งฉาง เรือกสวนไร่นา บังคับโยกย้ายขับไล่พวกเขาของจากหมู่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน

โดยมีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์: ห้าปีการหายไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ บทพิสูจน์ความล้มเหลวของรัฐไทยในการสอบสวนคดีและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ

วันนี้ (17 เมษายน 2562) เป็นวันครบรอบห้าปีของการที่นายบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ที่เชื่อได้ว่าถูกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งบังคับให้สูญหายไป ห้าปีที่ผ่านไปเป็นห้าปีของความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของกระบวนการยุติธรรมและรัฐไทยในการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษและในการให้ความคุ้มครองสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองของชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน

ความล้มเหลวดังกล่าวเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมได้รับการแจ้งความถึงการหายตัวไปของบิลลี่ตั้งแต่วันแรกๆ และคดีนี้เป็นที่สนใจของสาธารณะทั้งในประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ  ทั้งที่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าบิลลี่หายตัวไปหลังจากถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 17 เมษายน  2557 โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น   ซึ่งเป็นผู้ที่มีข้อพิพาทกับชุมชนกะเหรี่ยงของบิลลี่เกี่ยวกับพื้นที่หมู่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดินที่บรรพบุรุษของชาวกะเหรียงและบิลลี่ได้อยู่อาศัยดำรงชีวิตอย่างสันติสุขเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมมาหลายชั่วอายุคน ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรเผาบ้านเรือนและยุ้งฉางข้าว แล้วใช้กำลังบังคับให้โยกย้ายออกไปในปี2553-2554 โดยอ้างว่าเป็นชนกลุ่มน้อยจากนอกประเทศบุกรุกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งกระจาน จะได้ใช้อำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีการหายไปของบิลลี่อย่างจริงจังนับแต่วันที่ที่ญาติของบิลลี่ได้แจ้งความในวันที่ 18 เมษายน2557 โดยรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดไม่ปล่อยให้เสียหายหรือสูญหาย รวมทั้งสอบพยานบุคคลที่จับกุมหรือพบเห็นบิลลี่ครั้งสุดท้าย ตรวจสอบพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการตรวจคราบเลือด (มนุษย์) ในรถยนต์ที่เกี่ยวข้องทุกคัน ของเจ้าหน้าที่อุทธยานแห่งชาติแก่งกระจานกลุ่มดังกล่าวโดยมิชักช้า ก็น่าจะคลี่คลายการหายไปได้ แม้ต่อมาจะมีการตรวจพยานหลักฐานดังกล่าวโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พบว่ามีคราบเลือดมนุษย์ในรถยนต์คันหนึ่งของเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่สามารถนำผลการตรวจมาใช้ในการสอบสวนเพียงพอที่จะตั้งข้อหาในความผิดทางอาญาต่อบุคคลใดๆได้

ต่อมา หลังจากที่กลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนและญาติพี่น้องของบิลลี่ ได้เรียกร้องความยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 กรมสอบสวนคดีคดีพิเศษได้รับคดีการหายตัวไปของบิลลี่เป็นคดีพิเศษ โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของสาธารณะและประชาคมระหว่างประเทศ แต่จนบัดนี้ ก็ไม่ปรากฎว่ามีความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีการหายตัวไปของบิลลี่โดยกรมสอบสวนคดิพิเศษแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีคดีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เมื่อต้นปี 2558 ถูกกล่าวหาและสอบสวนโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่นายชัยวัฒน์อ้างว่าได้ปล่อยตัวบิลลี่ไป โดยตำรวจพบว่าไม่มีการปล่อยตัว แทนที่จะนำส่งตัวในฐานะผู้ต้องหาคดีลักลอบค้าขายน้ำผึ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่  ก็ไม่มีความคืบหน้าแม้เวลาผ่านมาแล้วหลายปีแล้วก็ตาม   ญาติพี่น้องของบิลลี่และสังคมก็ยังไม่ทราบผลการสอบสวนว่าได้มีการชี้มูลความผิดนายชัยวัฒน์หรือไม่อย่างไร

ความล่าช้าและไม่คืบหน้า ทั้งคดีการถูกบังคับให้สูญหายไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ และการสอบสวนดำเนินคดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร โดย ปปท. นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวและ “ความไม่เต็มใจ ( Unwilling)” ของรัฐไทยในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีทั้งสองดังกล่าว เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว  ยังสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมในสังคมไทยที่ผู้มีอิทธิพล ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดต่อประชาชนสามารถลอยนวลพ้นผิด (Impunity) และความอ่อนแอของนิติธรรม/นิติรัฐอีกด้วย  

นอกจากความล้มเหลวและไม่เต็มใจดังกล่าวของรัฐไทยแล้ว รัฐไทยยังล้มเหลวและไม่เต็มใจในการชดใช้เยียวยาแก่ครอบครัวของบิลลีตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐพึงกระทำด้วย ครอบครัวของบิลลี่มีภรรยาและบุตรชายหญิงจำนวนรวม  5  คนมีมารดาที่เป็นผู้ชรา ทั้งหมดเป็นชาวกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่รัฐไทยไม่เพียงแต่ไม่ชดเชยเยียวยาในฐานะเหยื่อของอาชญากรรมที่ก่อโดยเจ้าหน้าที่บางคนของรัฐแล้ว ยังตกอยู้ภายใต้การถูกคุกคามในเรื่องที่อยู่อาศัยที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าและการละเมิดสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองตลอดเวลาอีกด้วย

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงขอเรียกร้อง ในวาระครบรอบห้าปีของการถูกบังคับให้หายตัวไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ ต่อหน่วยงานและรัฐบาลไทย ดังนี้

1.   ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งรัดสืบสวนสอบสวนคดีการหายตัวไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ เพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการสอบและรวบรวมพยานหลักฐานจากพยานบุคคลที่พบเห็นบิลลี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวไป รวมทั้งจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรผู้ซึ่งอ้างว่าพบบิลลี่มีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง  ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่บิลลี่จะหายตัวไป โดยขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งความคืบหน้าของคดีให้แก่ญาติของบิลลี่และสังคมทราบถึงความคิบหน่าของคดีอย่างต่อเนื่อง

2.    ขอให้ป.ป.ท. เร่งรัดการสอบสวนและชี้มูลคดีที่มีการกล่าวหาว่านายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทธยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และแจ้งความคืบหน้าของคดีให้แก่สังคมทราบด้วยเช่นกัน

3.   ขอรัฐบาลเร่งออกพรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายพ.ศ. ..... เพื่อกำหนดให้การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นความผิดอาญาและให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิผล เพื่อให้รัฐไทยมีมาตรการป้องและปราบปรามอาชญากรรมบังคับให้สูญหาย อย่างไม่ให้เกิดกรณีอย่างบิลลี่ขึ้นอีก โดยรัฐบาลไทยวจะต้องไม่ตัดทอน บิดเบือน เจตนารมณ์และบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว

4.    ขอให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องชดใช้เยียวยาให้แก่ครอบครัวของบิลลี่ที่ต้องสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไป โดยการกระทำที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ให้สูญหายไปอย่างเหมาะสมเพียงพอในทุกช่วงวัยของบุตรชายและหญิงทั้งห้าคน

5.   ขอให้รัฐบาลแก้ไขเยียวยาปัญหาให้แก่ชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกลุ่มหนี่ง แย่งยึดที่ดินอยู่อาศัยและทำกิน เผาทำลาย บ้านเรือน ยุ้งฉาง เรือกสวนไร่นา บังคับโยกย้ายขับไล่พวกเขาของจากหมู่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน เคารพนับถือสิทธิชุมชนและสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองของพวกเขา โดยที่พวกเขาเขาสามารถกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขในพื้นที่บางกลอยบน-ใจแผ่นดินได้ดังเดิม โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐจักต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง วันที่ 3 สิงหาคม 2553 รวมทั้งรัฐบาลไทยต้องทำให้แน่ใจว่าก่อนเสนอให้องค์การสหประชาชาติประกาศให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว

วันที่ 17 เมษายน 2562

กรุงเทพมหานคร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net