ปิยบุตร แสงกนกกุล ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 62 หลังให้ปากคำพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในคดีที่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญรับมอบอำนาจจาก คสช. ร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดอาญา 2 ข้อหาประกอบด้วย 1.ดูหมิ่นศาล และ 2. นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยน่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือเกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ จากกรณีอ่านคำแถลงการณ์ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งเดิมปิยบุตรได้รับหมายเรียกในฐานะพยานเมื่อ 3 เม.ย. ก่อนพัฒนาเป็นหมายเรียกผู้ต้องหาในอีก 2 วันต่อมา
ปิยบุตรกล่าวด้วยว่าได้ปฏิเสธทุกข้อหา และจะให้การเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 9 วัน เขากล่าวว่าคนมาแจ้งความก็เป็น คสช. และหัวหน้า คสช. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นคู่แข่งของพรรคอนาคตใหม่
เขากล่าวว่ากฎหมายทุกฉบับได้มอบอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชน ซึ่งศาลเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายตุลาการ และกำหนดให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ทั้งนี้ ในข้อหา ม.198 ดูหมิ่นศาล ซึ่งตามกฎหมายอาญานั้นสามารถให้บุคคลใดแจ้งความร้องทุกข์ก็ได้ และอาจเป็นปัญหาต่อไปในอนาคตเนื่องจากหากตนผิดจริงก็จะเป็นบรรทัดฐานการวิพากษ์วิจารณ์องค์กรต่างๆ เพราะทำให้บุคคลที่สามสามารถแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดได้ โดยคิดว่ากฎหมายยังมีข้อบกพร่อง
สำหรับบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาตามที่ พ.อ.บุรินทร์ แจ้งความเอาผิดตนนั้นจากการตรวจสอบข้อความที่ถูกกล่าวอ้างที่เป็นความผิดไม่พบว่ามีคำที่ตนพูดและไม่มีถ้อยคำใดแสดงถึงการดูหมิ่นศาลแต่อย่างใด นอกจากนี้ ตัวเขาได้ลงมาเล่นการเมืองแล้วต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เป็นจริง