ทัพเรือภาค 3 นำสื่อติดตามการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำกลางทะเลเข้าฝั่ง

ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย [1] [2]

20 เม.ย. 2562 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าบรรยากาศบริเวณหลักเทียบเรือ ทัพเรือภาคที่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ศรชล. เขต 3) และ สื่อมวลชนแขนงต่างๆ พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการบันทึกภาพ เตรียมพร้อมในการลงเรือตรวจการณ์ ต.991 ของกองทัพเรือเพื่อเดินทางไปยังบริเวณกลางทะเลซึ่งเป็นจุดติดตั้งบ้านลอยน้ำของกลุ่ม Seasteading ห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 22 กิโลเมตร เพื่อติดตามการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำซึ่งเป็นของกลางในคดีดังกล่าวกลับเข้าฝั่ง หลังจากทัพเรือภาคที่ 3 และ ศรชล. เขต 3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจบ้านลอยน้ำอีกครั้ง หลังจากการตรวจ สอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา โดยพบว่า มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หากปล่อยไว้อาจจะเกิดปัญหาตามมา จึงได้ใช้อำนาจของกฎหมาย ศรชล. เข้าทำการรื้อถอน

กองทัพเรือตรวจสอบที่พักในทะเลกลุ่ม 'Seasteading' แจ้งความเอาผิด-เตรียมรื้อถอนพ้นทางเดินเรือ

สำหรับการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำกลับเข้าฝั่งนั้น จะใช้วิธีการแยกชิ้นส่วนระหว่างเสาเหล็กที่เป็นทุ่นกับตัวอาคารทรงแปดเหลี่ยมออกจากกัน โดยใช้ทีมเจ้าหน้าที่จากกองโรงงาน ฐานทัพเรือพังงา และชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 รวมทั้งเรือลากจากฐานทัพเรือพังงา ดำเนินการเคลื่อนย้ายวัตถุดังกล่าวกลับเข้าฝั่ง เนื่องจากเป็นพยานวัตถุแห่งคดีอาญาและพยานหลักฐานต้องสมบูรณ์และพร้อมนำสืบในบริเวณพื้นที่ที่กระทำความผิด

อย่างไรก็ตามสำหรับการปลูกสร้างบ้านลอยน้ำของกลุ่ม Seasteading ได้ถูกเปิดเผยโดยเวปไซด์โอเชียนบิวเดอร์ ซึ่งประกาศความสำเร็จของสามีชาวต่างชาติและภรรยาชาวไทย พร้อมทั้งมีการโฆษณาชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบในแนวคิดดังกล่าว มาอาศัยอยู่เพื่อจัดตั้งชุมชน โดยมีเป้าหมายที่จะสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคต เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2562 โดยเป็นบ้านต้นแบบหรือบ้านตัวอย่างหลังแรก จากเป้าหมายที่จะสร้างทั้งหมด 20 หลัง

ทั้งนี้ได้ว่าจ้างอู่ต่อเรือที่บ้านหยิด หมู่ที่ 7 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แต่ภายหลังจากทัพเรือภาค 3 เข้าตรวจสอบ และมีการแจ้งความดำเนินคดีกับชายชาวต่างชาติและภรรยาคนไทย โดยมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ซึ่งทาง Ocean Builders ได้มีการออกแถลงการณ์โดยรับว่าเป็นผู้สร้างบ้านลอยน้ำดังกล่าว ส่วนสองสามีภรรยานั้นเป็นเพียงอาสาสมัครที่มาทดลองใช้ชีวิตในบ้านกลางน้ำ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และพร้อมที่จะเจรจากับทางการของไทย และได้ระงับการเปิดขายโครงการออกไปก่อนจนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อเวลา 16.58 น. ว่าจากการตรวจสอบพบว่ายังไม่สามารถที่จะรื้อถอนได้ เนื่องจากการติดตั้งมีรูปแบบที่แตกต่างจากการก่อสร้างปกติ และต้องใช้ผู้ชำนาญการเฉพาะทางในการดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือพลัดตกลงไปในทะเล ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมา เนื่องจากวัตถุดังกล่าวเป็นของกลางสำคัญในการดำเนินคดีกับชาวต่างชาติและถรรยาคนไทย ที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้แจ้งความดำเนินไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยหลังกลับขึ้นฝั่งจะมีการประชุมร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ กับผู้ที่มาติดตั้งวัตถุลอยน้ำดังกล่าว เพื่อสรุปแนวทางในการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายวัตถุกลับเข้าฝั่งต่อไป

'วิษณุ' ยืนยันเจ้าหน้าที่มีอำนาจรื้อโดยใช้กฎหมายไทย ไม่วิตกหากมีการฟ้องศาลระหว่างประเทศ

สำนักข่าวไทย รายงานว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีชาวต่างชาติและภรรยาคนไทย ได้สร้างบ้านลอยน้ำใกล้กับเกาะภูเก็ต ห่างจากเกาะราชาใหญ่ประมาณ 12 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นทะเลต่อเนื่องของไทย เพื่อประกาศเป็นรัฐอิสระ ว่าขณะนี้กองทัพเรือกำลังรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นกลางทะเล ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ เพราะตามพยานหลักฐานปรากฏพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.119 กระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ หลังมีการเชิญชวนคนมาสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่ในทะเล เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรทางทะเล อีกทั้งยังใกล้กับเเหล่งขุดเจาะน้ำมัน  

“เมื่อไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด อาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมผิดกฎหมายได้ ขณะนี้สามีภรรยาที่สร้างบ้านยังคงอยู่ระหว่างหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่” นายวิษณุ กล่าว

ส่วนที่บริษัท Ocean Builders ผู้ผลิต ออกแถลงการณ์เตรียมฟ้องศาลระหว่างประเทศ หากทางการไทยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างนั้น นายวิษณุ กล่าวว่ารัฐบาลไทยยินดีที่จะให้มีการฟ้องร้องศาลระหว่างประเทศ และต้องการให้มีการฟ้องเกิดขึ้น เมื่อนั้นจะได้ทำการชี้แจง เพราะการสร้างบ้านกลางทะเลลักษณะนี้ มีความพยายามที่จะดำเนินการในหลายประเทศแล้ว แต่ไม่มีประเทศใดยินยอมให้ดำเนินการได้ และก็มีการจับกุมดำเนินคดีมาโดยตลอด จึงไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท