กกต. แจ้งข้อกล่าวหาธนาธร ปมหุ้นวี-ลัค  ปิยบุตรชี้หากแจกใบส้ม ถือว่าใช้ กม.ผิดฝาผิดตัว

23 เม.ย. 2562 แสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงข่าวแจ้งข้อกล่าวหา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่าตามที่มีผู้ร้องว่าธนาธร เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และ กฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมือง

โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วมีหลักฐานเบื้องต้นฟังได้ว่าผู้ถูกร้องเป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้นในบริษัท วี – ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนใดๆ จำนวน 675,000 หุ้น เลขหมายใบหุ้น 1350001 ถึง 2025000

กกต. จึงมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาโดยธนาธรมีสิทธิจะไม่ให้ถ้อยคำหรือมีหนังสือชี้แจงแสดงพยานหลักฐาน และมีสิทธิจะให้ทนายหรือบุคคลใดเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ใน 7 วัน

ปิยบุตรชี้หากแจกใบส้มถือว่าใช้กฎหมายผิดฝาผิดตัว 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ที่พรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงกรณีการโอนหุ้น วี-ลัค มีเดีย ของธนาธรจึง รุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เพิ่มเติมจากวานนี้ว่า สื่อบางสำนักยังคงตั้งคำถามในประเด็นที่ไม่ใช่ประเด็นสาระสำคัญ เพราะตามที่ได้เชี้แจงไปแล้วนั้นประเด็นสำคัญของการโอนหุ้นมีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายได้จบสิ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 และมีเอกสาร พยานหลักฐานทุกอย่างชัดเจน รวมทั้งมีข้อกฎหมายแนวคำพิพากษาศาลฎีกา และข้อเท็จจริงต่างๆ ครบถ้วนทั้งหมด

“เอาเข้าจริงแล้ว สื่อบางสำนักที่เริ่มต้นปล่อยข่าวนี้ออกมาคือ เริ่มเมื่อวันที่ 22 มี.ค. วันนั้นได้ให้ข่าวทำนองว่าการโอนหุ้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค. โดยเขาเข้าใจข้อกฎหมายผิดเองว่าการโอนหุ้นเกิดวันที่ 21 มี.ค. เพราะเขาไปดูว่าการที่กรรมการบริษัวี-ลัคนั้นไปส่งสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นไปให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 21 มี.ค. ถือว่าโอนหุ้นวันนั้น ซึ่งในทางข้อกฎหมายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็เขียนบอกไว้ชัดเจนว่า การโอนหุ้นมีผลเมื่อผู้โอนกับผู้รับโอนลงนาม แล้วก็มีพยานลงนามเรียบร้อย หลังจากนั้นก็มีผลต่อบุคคลภายนอกเมื่อไปจดแจ้งในสมุดบัญชีผู้ถือหุ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำครบถ้วนในวันที่ 8 ม.ค. ดังนั้นการโอนหุ้นวี-ลัค ของคุณธนาธร และภรรยา จึงสำเร็จสมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ย้ำป็นรอบที่ 100 ก็ว่าได้” ปิยบุตร กล่าว

ปิยบุตร กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ข้อเท็จจริงชัดเจนแล้ว แทนที่สื่อที่ปล่อยเรื่องนี้ออกมาจะยอมรับว่าตัวเองผิด กลับไปขยับประเด็นต่อไปว่าหากเป็นวันที่ 8 ม.ค. ก็ตามไปดูว่าวันนั้น ธนาธรอยู่ที่ กรุงเทพฯ หรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือ ตอนเช้าธนาธรอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เวลาประมาณ 10.00 น. ก็เดินออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ และเข้ามาถึงกรุงเทพหลักฐาน Easy pass ก็มีชัดเจน ซึ่งการทำงานของสื่อในลักษณะนี้น่าจะถือว่า เกินความสมควรแก่เหตุแล้ว เพราะหลักฐานทุกอย่างชัดเจน ข้อกฎหมายชัดเจนแล้ว ก็ควรจะยอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อไปว่า สื่อควรเลิกชี้นำ เพราะถึงวันนี้มีการชี้นำว่า กกต. อาจจะให้ใบส้มกับธนาธร และวานนี้หลังจากพรรคได้แถลงข่าว ธนาธร ได้มอบอำนาจให้กับทีมกฎหมายของพรรคเดินทางไปยื่นเอกสารให้กับ กกต. เพราะกังวลใจกับข่าวที่ว่า กกต. อาจจะมีมติ หรือมีการชี้มูลความผิดโดยที่พรรคยังไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปชี้แจง ซึ่งวานนี้ทีมกฎหมายได้ไปนั่งรอเพื่อที่จะชี้แจงทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสในการเข้าไปชี้แจง บอกแต่เพียงว่าจะส่งเรื่องไปให้ กกต. พิจารณาว่า ว่าจะให้เข้าชี้แจงได้หรือไม่

“หลังจากนั้นก็มีข่าวว่า อนุกรรมการท่านหนึ่งในนั้นตัดสินใจลาออก ตามข่าวที่ทุกท่านก็คงทราบ และก็มีข่าวตามมาว่าเป็นไปได้ที่วันนี้จะมีมติแจกใบส้ม จึงเป็นที่มาที่ผมจะต้องออกมาแถลงข่าวในวันนี้อีกครั้งหนึ่ง” ปิยบุตร กล่าว

ปิยบุตร อธิบายต่อไปว่า กระบวนการดำเนินการของ กกต. แบ่งออกได้ 3 กระบวนการใหญ่คือ 1.การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. 2.การตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้ง และ3.การตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. โดยในกระบวนการที่ 1 ช่วงเวลาที่จะทำได้คือ นับตั้งแต่วันสมัครจนถึง 1 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง(23 มีค.) หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว หากกกต. ตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติ ก็สามารถที่จะไม่รับรองรายชื่อผู้สมัครได้ ส่วนผู้สมัครก็สามารถที่จะร้องกลับไปที่ศาลฎีกาได้เช่นกัน หรือกรณีที่ กกต. รับรองคุณสมบัติผู้สมัครไปแล้ว ต่อมาเห็นว่าขาดคุณสมบัติก็จะต้องร้องไปที่ศาลฎีกาเพื่อขอให้วินิจฉัยเพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้ง

ปิยบุตร กล่าวต่อไปว่า ในกรณีที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นไปแล้ว ในช่วงวันที่ 24 มี.ค. จนถึงวันก่อนประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหาก กกต. ตรวจพบว่ามีผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติ กกต. สามารถทำการวินิจฉัยได้ แต่ในมาตรา 53 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในกรณีนี้บังคับใช้เฉพาะกับผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเท่านั้น และหลังจากที่ประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้วตรวจพบว่า ส.ส. ขาดคุณสมบัติ กกต. จะต้องไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัย

ส่วนกรณีการให้ใบส้ม ปิยบุตร อธิบายว่า ตามกฎหมายสามารถกระทำได้ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งถ้าคณะกรรมการสืบสวน หรือไต่สวนแล้วเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครผู้ใดกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการสั่งระงับสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครที่ทำการเช่นนั้นไว้ชั่วคราวเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นั้นหมายความว่า ถ้าจะมีการแจกใบส้ม จะต้องมีเหตุแห่งการแจกคือ มีการกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.

“มันคนละเรื่อง ถ้าคุณต้องการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือลักษณะต้องห้ามของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณต้องตรวจสอบด้วยกระบวนการแรก ซึ่งตอนนี้เข้าสู่ปลายเดือน เม.ย. หมดเวลาตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ถ้าจะตรวจทำได้เฉพาะ ส.ส. แบบแบ่งเขต และถ้าต้องการตรวจสอบคุณสมบัตินายธนาธรตอนนี้โดยใช้ช่องทางยื่นศาลรัฐธรรมมนูญคำถามคือ เวลานี้คุณธนาธรยังไม่ได้เป็น ส.ส. ยังรอ กกต.รับรองผลอยู่ ส่วนช่องตรงกลางที่ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจเบ็จเสร็จในการแจกใบเหลืองใบแดงใบส้ม ก็จะต้องมีเหตุกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นไม่สุจริต และเที่ยงธรรม คำถามคือ เรื่องคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร ส.ส. เกี่ยวอะไรกับเรื่องการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมและไม่สุจริต” ปิยบุตร กล่าว

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้วไม่มีช่องทางใดที่ กกต. จะสามารถแจกใบส้มให้กับธนาธรได้ล้านเปอร์เซ็นต์ และขอเรียนไปยังบรรดานักร้องเรียนว่า หากจะร้องควรเปิดกฎหมายดูให้ชัดเจน

ปิยบุตร กล่าวต่อไปว่า ปัญหาของการให้ใบส้ม เวลานี้พบว่ามีความพยายามในการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณา มีผู้ยื่นคำร้องตามที่ปรากฎอยู่ในข่าว ในกรณีนี้ถ้า กกต. จะดำเนินการพิจารณา จำเป็นต้องตรวจสอบมูลกรณี มีการสืบสวน และไต่สวน โดยในช่วงก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. มีอำนาจในการตั้งคณะกรรมการช่วยตรวจสอบสำเนา เพื่อทำความเห็นต่อ กกต. ในกรณีของธนาธร เมื่อมีผู้ไปร้องเรียน กกต. ก็บอกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 คน โดยการตรวจสอบมูลกรณีนี้มีระยะเวลาที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 7 วัน หลังจากนั้นหากเห็นว่าไม่มีมูลก็จะยุติเรื่อง หรือเห็นว่ามีมูลที่จะต้องสืบสวนต่อก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการสืบสวน หรือเห็นว่าควรจะไต่สวนก็ต้องไปไต่สวน แต่กรณีของธนาธรตามที่เช็คจากข่าวพบว่า กำลังเดินทางไปอยู่ในขั้นไต่สวน ซึ่งมีระยะเวลา 20 วัน สามารถขยายระยะเวลาได้อีก 15 วันไม่เกิน 2 ครั้ง และหลังจากไต่สวนเสร็จคณะกรรมการจะมีมติว่าจะแจงข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีการแจงข้อกล่าวหาสิ่งที่ตามคือ จะต้องเปิดโอกาสให้ธนาธรได้ไปชี้แจง

“ไม่ว่าจะเป็นการตรวจมูลกรณี หรือการไต่สวน คณะกรรมการช่วยตรวจสอบสำนวนมีอำนาจในการเรียกคนไปชี้แจงได้ ตามข่าวที่ปรากฎพบว่ามีการเรียกขอเอกสารจากหน่วยงานต่างๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ยังไม่มีการเรียกพรรคอนาคตใหม่ และคุณธนาธรไปชี้แจงเลย” ปิยบุตร กล่าว

ปิยบุตร กล่าวต่อว่า หากมีการแจงข้อกล่าวหากับธนาธรสิ่งที่กฎหมายบังคับให้ทำคือ การเปิดโอกาสให้ธนาธรเข้าไปชี้แจงในการกระบวนการพิจารณา ปัญหาคือ หาก กกต. เลือกที่จะให้ช่องทางการออกใบส้มตามที่มีคนร้องเรียกมา พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการกระทำที่ผิดฝาผิดตัว

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนได้ให้ความหวังไว้อย่างมาก เป็นเหมือนแสงสว่างรำไรหลังจากที่ถูกขังอยู่ในห้องมืดมา 5 ปี เพราะอย่างน้อยที่สุดการเลือกตั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแสวงหากทางออกร่วมกัน และเป็นจุดเริ่มต้นในการพาประเทศไทยกลับคืนไปสู่ระบอบประธิปไตย แต่หลังจากเลือกตั้งผ่านมา 1 เดือน กลับมีความพยายามสร้างบรรยากาศทำให้ประชาชนรู้สึกว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออก ไม่มีความหวัง และนำไปสู่ทางตัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบรรยากาศที่เกิดขึ้นไม่ได้นำสู่ทางตัน พรรคการเมืองทุกพรรคเล่นตามกติกา ส่วนใครจะได้เสียงเท่าใดก็ยังรอการประกาศผลของ กกต. พรรคที่ยืนยันว่าต้องการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ กกต. ก็ผนึกกำลังจับมือกันไว้ พรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจก็พยายามหาคะแนนเสียงมาสนับสนุน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองไป สถานการณ์ที่เป็นอยู่ไม่ได้นำไปสู่ทางตัน แต่กลับมีความพยายามที่จะบอกว่า ปัญหาทั้งหมดคือการเลือกตั้ง

“ผมเรียนว่านักการเมือง พรรคการเมืองต่างเข้าแข่งขันตามกติกา ไม่ได้สร้างปัญหา ไม่ได้ความขัดแย้ง ไม่ได้สร้างวิกฤติแน่นอน ตรงกันข้ามบ้านเมืองจะถึงทางตันอย่างแน่แท้ ถ้าหากบรรดาองค์อิสระต่างๆ ใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม ใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติ ใช้กฎหมายไปในทิศทางที่นำกฎหมายมาช่วยเหลือสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากองค์กรอิสระทำแบบนี้บ้านเมืองจะไปสู่ทางตัน และ 14 ปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข้อครหา และสงสัยเรื่องพวกนี้จากสาธารธณะชนอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และมันเป็นต้นเหตุของวิกฤติการณ์การเมืองไทยด้วย ในเมื่อเลือกตั้งแล้ว ก็ขอให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ท่านไม่ต้องกังวลใจกับอิทธิพล หรือแรงกดดันใดๆ สิ่งเดียวที่ท่านต้องยึดเอาไว้ให้มั่นคือปฏิบัติตามกฎหมายอย่างสุจริตเที่ยงธรรม และเสมอภาคกัน เมื่อนั้นบ้านเมืองมีทางออกแน่” ปิยบุตร กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท