ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 กทม. ยื่นเอกสารและคำร้องให้ กกต. นับคะแนนใหม่ เนื่องจากพบความผิดปกติในรายงานผลการนับคะแนน ขณะที่รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าหลักฐานที่พบบ่งชี้ว่าอาจมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมรายงานผลการนับคะแนนรายหน่วย

25 เม.ย.2562 ชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และพัชรี ภัทรพุทธากร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 2 กทม. นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นเพิ่มเติมต่อเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อขอให้ดำเนินการนับคะแนนใหม่ ของเขตเลือกตั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งขอเข้าสังเกตการณ์การนับคะแนนใหม่

ชัยธวัช กล่าวว่า  ก่อนหน้านี้ทางพรรคเดินทางมายื่นเรื่องมาแล้วเพื่อขอให้มีการนับคะแนนใหม่ซึ่งขณะนี้ผ่านมาเกือบครบ 1 เดือน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมถึงการยื่นขอผลการนับคะแนนรายหน่วย  ก็ไม่ได้รับความร่วมมือทั้งจากหน่วยเลือกตั้ง กกต เขต กกต. จังหวัด หรือแม้แต่ กกต. กลาง

โดยกว่าจะได้รับผลคะแนน ต้องใช้ระยะเวลาถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งพรรคได้ทำการตรวจสอบผลการนับคะแนนทั้งหมดและเปรียบเทียบภาพถ่ายผลการนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งจากที่ประชาชนซึ่งเข้าไปสังเกตหน่วยเลือกตั้งส่งมาให้ พบความผิดปกติในรายกรณีของการเลือกตั้งเขต 2 กทม. 3 กรณี คือ 

1. มีการบันทึกผลการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งไม่ตรงกับคะแนนที่นับ เมื่อมีการทักท้วง เจ้าหน้าที่ กกต ประจำหน่วยเลือกตั้งจึงยอมแก้ไข 

2. รายงานผลการนับคะแนนซึ่งเป็นเอกสารปิดหน้าหน่วยของ กกต. ที่เรียกกันว่าแบบ สส 5/18  มีของบางหน่วยคะแนนไม่ตรงกับรายงานผลการนับคะแนนแบบขีดคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง หรือ เอกสาร สส 5/11 เช่นในหน่วยเลือกตั้ง 7 ทุ่งวัดดอน คะแนนที่ปรากฏบนเอกสาร สส 5/18 ของผู้สมัครอนาคตใหม่คือ 90 คะแนน แต่ใน สส 5/11 ที่ติดบอร์ดหน้าหน่วยเลือกตั้ง กลับมีคะแนนถึง 274 คะแนน

3. แบบรายงานผลการนับคะแนน สส 5/18 ที่ติดอยู่บนบอร์ดบางหน่วยเลือกตั้ง ไม่ตรงกับรายงานผลการนับคะแนน สส 5/18 ที่คณะกรรมการส่งให้ผู้สมัคร เช่นในหน่วยเลือกตั้งที่ 30 ทุ่งวัดดอน คะแนนที่ปรากฏในเอกสาร สส 5/18 บนบอร์ดที่หน่วยเลือกตั้ง พรรครวมพลังประชาชาติไทยและพรรคประชาชาติ ไม่มีคะแนน แต่ในสำเนา สส 5/18 ที่กกต.ส่งให้ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ ผู้สมัครพรรคประชาชาติกลับได้ 4 คะแนน ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้ 6 คะแนน 

ชัยธวัช ย้ำว่าหลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมรายงานผลการนับคะแนนรายหน่วย ซึ่งอาจทำให้กกต.เข้าข่ายละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต และยังทำให้ประชาชนยิ่งเสื่อมความเชื่อมั่นในผลการเลือกตั้งและเสื่อมศรัทธาต่อกกต.มากขึ้น