Skip to main content
sharethis

สื่ออัลจาซีรานำเสนอบทวิเคราะห์เกี่ยวกับนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอินเดีย หนึ่งในผู้แทนที่เข้าชิงชัยในการเลือกตั้งอินเดียครั้งล่าสุด โดยเน้นนำเสนอแง่มุมชีวิตของโมดีในฐานะคนที่ไต่เต้าทางการเมืองภายในกลุ่มชาตินิยมฮินดู ด้วยอุดมการณ์ของตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านทางการตอกย้ำเครื่องมือกล่อมเกลาและอาศัยความขัดแย้งสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเอง

นเรนทรา โมดี (ที่มา: Wikipedia)

26 เม.ย. 2562 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 เม.ย.) บทวิเคราะห์ในอัลจาซีราในเรื่องราวชีวิตของนเรนทรา โมดี ผู้มีส่วนร่วมในการเมืองชาตินิยมฮินดูของอินเดียมาตั้งแต่เด็กในแบบเดียวกับที่มีคนเคยอ้างใช้เพื่อลอบสังหารมหาตมะ คานธี ผู้ต่อต้านอาณานิคมอังกฤษด้วยวิธีอหิงสา

โมดีเคยกล่าวไว้ว่าเขาเกลียดพรรคคองเกรสอย่างแรงกล้ามาตั้งแต่เด็ก พรรคคองเกรสเป็นพรรคฝ่ายค้านปัจจุบันในอินเดียและเป็นคู่แข่งของพรรคภารตียชนตา หรือ BJP ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โมดีมีอายุได้ 6 ปีในช่วงที่หมู่บ้านของเขาเต็มไปด้วยสิ่งบ่มเพาะทางการเมือง ย้อนไปเมื่อราว 60-70 ปีที่แล้วมีขบวนการเรียกร้องให้รัฐอินเดียแบ่งแยกกลุ่มคนที่พูดภาษาคุชราตออกจากกลุ่มคนที่พูดภาษามราฐี โดยที่กลุ่มชาตินิยมคุชราตไม่พอใจที่กลุ่มชนชาติที่พูดภาษามราฐีครอบงำรัฐที่ในตอนนั้นใช้ชื่อว่ารัฐมุมไบ (ต่อมาจึงมีการแบ่งออกเป็นรัฐคุชราตสำหรับประชากรผู้พูดภาษาคุชราต กับรัฐมหาราษฏระสำหรับประชากรผู้ใช้ภาษามราฐี)

ในยุคสมัยที่มีความขัดแย้งดังกล่าว โมดีรู้สึกลุ่มหลงไปกับขบวนการของชาวคุชราต กือบทุกวันเขาเข้าร่วมการเดินขบวนของชาวบ้านที่อนุญาตให้แต่ผู้ชายเข้าร่วม โดยที่ในการประท้วงนั้นมีการเผาหุ่นจำลองของผู้นำพรรคการเมืองคองเกรส การชุมนุมดังกล่าวไม่มีการหนุนหลังจากพรรคการเมืองใดๆ แต่ก็มีกลุ่มชาตินิยมฮินดูปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าในการเรียกร้องครั้งนั้นจะยังห่างไกลจากเรื่องการทำให้ชาวฮินดูอยู่เหนือกว่าผู้นับถือศาสนาอื่น แต่การเคลื่อนไหวนั้นก็ทำให้พวกเขามีความชอบธรรมทางการเมือง หลังจากที่ความชอบธรรมทางการเมืองของพวกเขาสูญเสียไปเมื่อมหาตมะ คานธ๊ ถูกลอบสังหารโดยคนคลั่งศาสนาฮินดูเมื่อปี 2491

ในอินเดียมีกลุ่มองค์กรที่เรียกว่า "กองอาสาสมัครแห่งชาติ" หรือ RSS ที่โฆษณาชวนเชื่อว่าศาสนาฮินดูเป็นพื้นฐานของชาตินิยมอินเดีย ผู้ติดตามศาสนาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอิสลามหรือคริสต์ "ล้วนแต่เป็นฮินดู" เพราะ RSS มองว่าแนวคิดแบบฮินดู "ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมของแผ่นดิน(อินเดีย)" พวกเขามีเป้าหมายต้องการเปลี่ยนแปลงอินเดียให้เป็นรัฐฮินดู ถึงแม้ว่า RSS จะถูกตัดสินให้ไม่มีความผิดฐานร่วมมือในการสังหารคานธี แต่หลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญอย่างคานธีก็ทำให้ชาวอินเดียส่วนใหญ่ไม่เป็นมิตรกับองค์กรฮินดูชาตินิยมนี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีความขัดแย้งที่รัฐคุชราต กลุ่ม RSS ก็แฝงตัวทางการเมืองไปกับการประท้วงนี้เพื่อบ่มเพาะฐานทางการเมืองของตัวเองในหลายพื้นที่ของอินเดียรวมถึงหมู่บ้านที่โมดีอาศัยอยู่ด้วย

โมดีวัยเด็กเข้าร่วมการจัดประชุมของกลุ่มผู้ประท้วงชาวคุชราตซึ่งจัดขึ้นสำหรับเด็กโดยเฉพาะ การที่ประชุมนั้นนอกจากเกมการละเล่นพื้นถิ่นแล้วเด็กจะถูกสอนการเตรียมร่างกายและถูกปลูกฝังให้สวดมนต์ให้กับประเทศ มีการเรียกประเทศว่าพระแม่อินเดีย นำเสนอออกมาในภาพของเทพีฮินดู สิ่งเหล่านี้ทำให้โมดียอมรับลัทธิรักชาติผ่านทางศาสนาฮินดู และในเวลาต่อมาหลังจากที่โมดีโตขึ้นเขาก็พยายามการเข้าสู่หนทางการเป็นนักเทศน์ขององค์กรฮินดูที่เรียกว่าประชารักด้วยการปกปิดฐานะการแต่งงานของตนเพื่ออ้างเรื่องการที่ตัวเองครองความบริสุทธิ์ทางเพศ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติเบื้องต้นของการเป็นนักเทศน์

 

20 ปีหลังจากนั้น สื่อถึงค้นพบว่าโมดี "ทิ้ง" ภรรยาตัวเองเพื่อเดินทางสายการเมือง แต่ในตอนนั้นโมดีกำลังเป็นนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงสำหรับพรรค BJP ทำให้ทั้ง RSS และ BJP ต่างทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเรื่องนี้ ในสายตาของ RSS แล้วโมดีเป็นคนที่ดูจริงจังทางอุดมการณ์มาก แต่ในขณะเดียวกันโมดีก็คอยเล่นเกมการเมืองเพื่อดันตัวเองเป็นพี่ใหญ่ในองค์กรผ่านทางการแสดงออกที่จงรักภักดี เขาเริ่มแสดงออกให้พรรคเล็งเห็นถึงความเป็นฮินดูชาตินิยมผ่านทางการช่วยเหลือหัวหน้าพรรค BJP ก่อสร้างศาสนสถานฮินดูทับมัสยิดบาบรีในอุตตรประเทศที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ความพยายามของโมดี ซึ่งในตอนนั้นเป็นผู้นำพรรคในระดับกลางที่คุชราตเรียกคะแนนจากผู้คลั่งไคล้ศาสนาฮินดูในอินเดียได้

หลังจากพรรค BJP สามารถเป็นผู้นำพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2541 โมดีก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในเลขาธิการพรรคซึ่งทำให้เขาเข้าถึงกลุ่มคนระดับสูงของพรรคได้ โมดีผู้มีภาพลักษณ์ที่ใช้โวหารแบบเผ็ดร้อน เช่นในความขัดแย้งกับปากีสถานเมื่อปี 2542 เขาก็บอกว่าอินเดียจะตอบโต้ปากีสถานด้วย "กระสุนและระเบิด" นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสร้างภาพตัวเองเป็นจอมวางอำนาจแบบใช้กำลัง (Strongman)

อีกภาพลักษณ์หนึ่งที่โมดีสร้างให้ตัวเองคือภาพลักษณ์ชาตินิยมผู้ปกป้องฮินดูที่สร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์จลาจลที่คุชราตปี 2545 เหตุการณ์ความรุนแรงที่กระทำต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ตัวโมดีเองฉวยโอกาสนี้ทำให้เกิดการแตกข้้วทางศาสนาหนักขึ้นและตอกย้ำอคติต่อชาวมุสลิมที่ฝังรากอยู่ในประชากรท้องถิ่นมานาน โมดีเคยถึงขั้นสั่งปิดแหล่งพักพิงสำหรับคนมุสลิมไร้บ้านเนื่องจากความรุนแรงของเหตุจลาจล โดยอ้างว่าเป็น "โรงงานผลิตลูก" เขาตอกย้ำอคติขององค์กร RSS ที่อ้างว่าชาวมุสลิมมีอัตราการให้กำเนิดบุตรสูงมากเพื่อทำให้ประชากรมีมากกว่าชาวฮินดู

ถึงแม้ว่าการอ้างชาตินิยมฮินดูจะทำให้เขาประสบความสำเร็จทางการเมืองหลายครั้ง แต่ในการเลือกตั้งระดับชาติแล้วโมดีเล็งเห็นว่าอินเดียยังไม่พร้อมรับกับแนวทางชาตินิยมคนหมู่มากในแบบของเขา โมดีจึงพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองเป็นผู้ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจแทนด้วยการไปโน้มน้าวให้กลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ มาลงทุน บิดเบือนกฎหมายการเข้าถึงเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อทำโครงการธุรกิจต่างๆ เขายังอาศัยมืออาชีพด้านการสร้างภาพลักษณ์หนุนหลังให้ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างถนน คูคลองไปจนถึงไฟฟ้า ซึ่งโครงการเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นตัวกลบเกลื่อนปัญหาความขาดแคลนที่แท้จริงในชนบท

บทวิเคราะห์ของอัลจาซีราระบุว่า ถึงแม้โมดีจะพยายามยกสโลแกน "การพัฒนาและความเปลี่ยนแปลง" มาเป็นตัวชูโรงเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องการเมืองแบบชาตินิยมฮินดูของตัวเองลง แต่ความทะเยอทะยานทางการเมืองของโมดีก็ยังคงเป็นการผลักดันอุดมการณ์ชาตินิยมฮินดูให้ได้ ดูจากวิธีการหาเสียงของเขาในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังพรรคคองเกรสแบบเดียวกับที่เคยทำให้ BJP ได้รับคะแนนนิยมหลังเหตุจลาจลปี 2545 ทั้งนี้ โมดีก็มองออกว่าพรรครัฐบาลมีอุปสรรคจากการที่ทำงานได้ไม่ดีนักในสมัยที่ผ่านมา มีอัตราการว่างงานสูงขึ้น ปัญหาในชนบทมากขึ้น และวิกฤตการเกษตรที่กำลังย้ำแย่

เรียบเรียงจาก

Narendra Modi: The making of a majoritarian leader, Aljazeera, Apr. 23, 2019

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/2002_Gujarat_riots

https://en.wikipedia.org/wiki/Mahagujarat_movement

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net