ปัญหาที่มีเพราะมีตัวสร้างปัญหา

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

อะไรทำได้ก็เดินหน้าทำไปเลยไม่ต้องรอ เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยเกิดชะลอตัวและเข้าสู่ที่ภาวะที่ทุกอย่างหยุดนิ่งด้วยกันหมด ทำให้ต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อได้ ผมขออย่าหยุดนะ งานทุกอย่างต้องเร่งเดินหน้า ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจลำบาก” ทั้งหมดนั้นเป็นคำพูดของนาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี (มติชนรายวัน25/04/2562)

ปัญหาของบ้านเมืองในเวลานี้ ทุกอย่างที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้น ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจ ที่กำลังชะลอตัวจากการค้า การลงทุนและการส่งออก จนรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องสรรหาสารพัดวิธีมาเพื่อผ่อนคลายหรือแก้ไขปัญหา อาทิ โครงการแจกเงินด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งบัตรสวัสดิการของรัฐ การลดหย่อนภาษีด้วยการสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ผ่านโครงการช็อปช่วยชาติ

ล่าสุดได้ยินมาว่าจะแจกเงินอีกเพื่อให้นำไปใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเมืองรอง เพราะรัฐบาลมองว่า การท่องเที่ยวจะทำให้เม็ดเงินกระจายตัวได้มากขึ้น แล้วจะทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยได้ประโยชน์จากโครงการนี้ไปพร้อมๆกัน หรืออาจเห็นว่าเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายกว่าการพยุงราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำก็เป็นไปได้

ส่วนว่าจะแจกกันอย่างไร วิธีรับแจกจะเป็นอย่างไร คนที่ชอบของฟรีก็คงต้องคอยติดตาม ว่ากันว่าโครงการนี้ใช้เงินอีกจำนวนไม่น้อยทีเดียว

แต่ปัญหาเศรษฐกิจอย่างที่ว่า แม้จะเป็นปัญหาที่หนัก แต่ดูเสมือนว่าผู้คนกับไม่ค่อยได้ให้ความสนใจมากเท่ากับปัญหาของการเลือกตั้ง ที่วันนี้ได้กลายเป็นปัญหาของ “การสืบทอดอำนาจ” ของคณะบุคคลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ ที่เข้ามายึดอำนาจจากประชาชนไปแล้ว แสดงท่าทีว่าจะอยู่ต่อ ไปต่อ

ก็พอเข้าใจได้ว่า คนที่เข้ามามีอำนาจแล้ว ก็ย่อมที่จะลุ่มหลงเป็นธรรมดา เพราะอำนาจเป็นสิ่งที่เย้ายวล ใครที่ได้เสพแล้วย่อมหลงไหล เมื่อถึงเวลาที่จะลงจากอำนาจก็ไม่อยากลง จึงหาทางอยู่ในอำนาจต่อไปให้นานเท่าที่จะทำได้

ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ ได้ทำตามสัญญาเหมือนกับที่เปิดเพลงกรอกหูประชาชนอยู่ทุกวัน ปัญหาของประเทศชาติก็อาจจะไม่เป็นเช่นนี้

นอกจากนั้นแล้ว เรื่องการต้อง “สืบทอดอำนาจ” ให้ได้ เพราะคิดว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภามาช่วยลงคะแนนให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลอีกครั้ง โดยลืมไปว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำสามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ

ปรากฎการณ์ประหลาดๆ จึงเกิดขึ้นกับองค์กรอิสระที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีให้ผู้คนทั่วไปได้เห็น การพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องจึงออกมาแบบข้างๆคูๆ ถามอย่างตอบอีกอย่าง หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการทูต ข้อมูลทางพิธีการทูต ที่มีคณะทูตเข้าไปสังเกตการณ์การดำเนินคดีคู่แข่งขันทางการเมือง เพียงเพราะมีรัฐมนตรีต้องการที่จะประจบเอาใจเจ้านายที่เป็นนายกรัฐมนตรีจนเกินงาม

ทางด้านพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ก็ยังคงใช้อำนาจอย่างเป็นปกติ ไม่ใช่นายกฯรักษาการณ์ระหว่างจัดการเลือกตั้ง และระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เอาเปรียบฝ่ายตรงข้ามทุกทาง แต่พรรคที่สนับสนุนก็ยังแพ้เลือกตั้งในสภาล่าง ปัญหาของการเลือกตั้งจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็นและรู้กันอยู่

คณะกรรมการเลือกตั้ง แต่ไหนมาก็เป็นอิสระในการทำหน้าที่ สามารถประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการได้ทันทีหลังการเลือกตั้ง แต่คราวนี้ประกาศไม่ได้ จะด้วยเหตุมีการโกงเลือกตั้ง หรือคะแนนมันไม่ตรงกับผู้ที่มาลงคะแนน หรือบัตรดี บัตรเสีย ก็สุดแท้แต่ มันก็เป็นเรื่องประหลาดในยุคสมัยนี้ ที่ยังไม่สามารถหาวิธีจัดการ

ยิ่งเรื่องผลการหาคะแนนเฉลี่ยของผู้แทนระบบบัญชีรายชื่อ ที่ใครต่อใครเขาคิดเขาเฉลี่ยกันออกมา ราว 7,100 เสียง แต่กกต.ชุดนี้พยายามที่จะเฉลี่ยไปให้พรรคที่ได้ 30,000 – 40,000 เสียง โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้คะแนน “ตกน้ำ” ก็ยิ่งประหลาด

ปัญหาทั้งปวงที่เกิดขึ้นเพราะมีเจ้าตัวปัญหาที่ต้องการจะ “สืบทอดอำนาจ” จะอีก 4 ปี 5ปี หรือ 20 ปีก็ได้ตามที่ต้องการ ถ้าเจ้าตัวทำตามสัญญา รักษาสัญญา จัดการเรื่องต่างๆแล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง ส่งมอบอำนาจให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ปัญหาเช่นที่ว่าหรือเรื่องประหลาดๆก็จะไม่เกิดหรือมีให้เห็น

ปัญหาที่เกิดก็เพราะเจ้าตัวอยากสืบทอดอำนาจโดยกระบวนการเลือกตั้ง เพื่อสร้างการยอมรับ แต่บังเอิญผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่คิด พวกตัวเองแพ้ในสภาล่าง แม้จะเอาสภาบนมาช่วยลงคะแนนให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีก แต่เมื่อยังเป็นคนเดิมก็จะยังเป็นปัญหาต่อไป เพราะจะไม่มีมาตรา 44 มาใช้เพื่อละเมิดกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของบ้านเมืองได้อีกต่อไป

การที่องค์กรอิสระไปรับคำสั่งแล้วทำเป็น”แกล้งโง่” ในการวินิจฉัยเรื่องต่างๆ เพื่อเป็นการเอาใจผู้มีอำนาจ จึงเป็นการทำลายโครงสร้างทางการเมืองการปกครอง ที่คนไทยเพียรพยายามสร้างกันมาอย่างยาวนาน แทนที่จะต่อต้านในฐานะองค์กรที่เป็นอิสระ เห็นประโยชน์ของชาติ ของประชาชนส่วนใหญ่ กลับไปมุ่งหน้ารับใช้อย่างไม่ลืมหูลืมตา

ดังนั้น การที่องค์กรอิสระซึ่งเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน “ไม่ยืนให้มั่นคง” ไม่เป็นหลักให้กับประเทศชาติและประชาชนเสียแล้ว อนาคตของประเทศชาติก็คงจะไม่มี

โอกาสที่จะพัฒนาประเทศให้มั่นคง ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็หมดไป เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่รัฐบาลที่มาจากเผด็จการทหารจะพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้ มีแต่จะเปลี่ยนประเทศให้เป็นประเทศที่ด้อยพัฒนาเท่านั้น

การวินิจฉัยเรื่องต่างๆของรัฐมนตรีก็ดี องค์กรอิสระก็ดี หรือแม้แต่หน่วยงานต่างๆที่จะอำนวยความยุติธรรมและความถูกต้องให้กับสังคม หากกระทำไปเพื่อการเอาใจกัน จึงเป็นการวินิจฉัยที่ “หน้าด้าน” อย่างไม่มีความอับอายต่อสังคม

หลายคนที่เป็นกรรมการในองค์กรอิสระ อีกด้านหนึ่งก็เป็นครูอาจารย์สอนกฎหมายในระดับมหาวิทยาลัย มีเกียรติยศ เกียรติภูมิ การวินิจฉัย ตีความ ใช้เทคนิคปฏิหารย์ ต่างๆ เสกสรรปั้นแต่งมาอธิบายกับสังคม เพื่อจะให้ผู้มีอำนาจที่เป็นนาย และตนเองได้อยู่ต่อในตำแหน่งต่อไปเช่นนี้จะให้ผู้คนในสังคมคิดเช่นใด

คำว่า “หน้าด้าน” อาจน้อยเกินไป…

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท