Skip to main content
sharethis

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะสละราชสมบัติวันนี้ โดยทรงมีพระราชดำรัสขอบคุณที่ประชาชนให้การยอมรับและสนับสนุนการทำหน้าที่สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น โดยทรงอำนวยพรให้ในรัชศกใหม่มีสันติภาพและความผาสุกบังเกิดแก่ประชาชนทั้งในญี่ปุ่นและสากลโลก นับเป็นการสิ้นสุดรัชศกเฮเซ และจะเข้าสู่รัชศกเรวะในวันที่ 1 พ.ค.

ที่มา: Facebook/NHK World Japan Thai

30 เม.ย. 2562 บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือ เอ็นเอชเค ถ่ายทอดสดพิธีสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ โดยในเฟซบุ๊คแฟนเพจของ NHK World Japan Thai ได้ออกอากาศสดมาตั้งแต่เวลา 14.39 น. ตามเวลาประเทศไทย หรือเวลา 16.39 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น

อนึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงเช้ามีพระราชพิธีที่ศาลเจ้าชินโต คะชิโกะโดโกโร ซึ่งเป็นศาลเจ้าหลักในพระราชวังอิมพีเรียล ในการนี้สมเด็จพระจักรพรรดิทรงมีพระราชดำรัสประกาศการสละราชสมบัติต่อเทพีอามาเตระสุ ซึ่งเชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่น รวมถึงบรรดาเทพเจ้าของญี่ปุ่น

ส่วนพิธีที่พระที่นั่งมัสซึโนมะ (Matsu-no-Ma) ท้องพระโรงของพระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งกินเวลาประมาณ 15 นาที โดยมีบุคคลเฝ้ารับเสด็จ 294 คน รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภาไดเอ็ต ประธานศาลฎีกา และผู้บริหารรัฐบาลท้องถิ่น ฯลฯ

ในเวลา 16.50 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น หลังคำแถลงของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ต่อมา สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ซึ่งมีพระชนมายุ 85 พรรษา ทรงอ่านพระราชดำรัสเป็นครั้งสุดท้าย โดยกล่าวว่า "วันนี้ ข้าพเจ้ากำลังสิ้นสุดการทำหน้าที่ในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้ามีความซาบซึ้งใจต่อคำแถลงของท่านนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะในนามของประชาชนชาวญี่ปุ่น"

"นับตั้งแต่ครองราชย์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิด้วยความรู้สึกที่เชื่อมั่นและเคารพต่อประชาชนอย่างลึกซึ้ง และข้าพเจ้าพิจารณาแล้วว่าตัวเองโชคดีที่สุดที่ได้ทำหน้าที่นี้ ข้าพเจ้าของขอบคุณประชาชนอย่างจริงใจ ที่ยอมรับและสนับสนุนข้าพเจ้าต่อบทบาทของข้าพเจ้าในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐ"

"ข้าพเจ้าและสมเด็จพระจักรพรรดินี ขอแสดงความปรารถนาดีอย่างจริงใจว่า รัชศกเรวะซึ่งจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ จะเป็นรัชศกที่มีเสถียรภาพและอุดมสมบูรณ์ ข้าพเจ้าขออธิษฐานด้วยหัวใจ ขอให้สันติภาพและความผาสุกบังเกิดแก่ประชาชนทั้งในญี่ปุ่นและในสากลโลก"

โดยหลังพระราชดำรัสจบลง สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ และสมเด็จพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จออกจากพระที่นั่งมัสซึโนมะในเวลา 17.02 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น

สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นแสดงพระราชประสงค์สละราชบัลลังก์, 8 ส.ค. 2016

สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่นเสด็จฯ เยือนไทย, 5 มี.ค. 2017

จักรพรรดิญี่ปุ่นเสด็จเยือนพื้นที่ประสบภัยครั้งสุดท้ายก่อนสละราชสมบัติ, 20 มิ.ย. 2018

ญี่ปุ่นสิ้นสุดยุคเฮเซ เตรียมตั้งชื่อรัชศกใหม่ 1 เมษายนนี้, 1 เม.ย. 2019

ครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นแล้ว 30 ปี

ทั้งนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) โดยก่อนหน้านี้เมื่อครั้งเป็นมกุฏราชกุมารอะกิฮิโตะทรงอภิเษกสมรสกับ มิชิโกะ โชดะ บุตรสาวของประธานบริษัทนิชชิน เมื่อ ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) หลังพบกันครั้งแรกที่สนามเทนนิสในเมืองคะรุอิซะวะ เมื่อ ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500) จากนั้น เมื่อมกุฎราชกุมารอะกิฮิโตะสืบราชสมบัติเป็นจักรพรรดิ มกุฎราชกุมารีมิชิโกะจึงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ยังทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์น้ำผู้หนึ่ง โดยทรงศึกษาวิชามีนวิทยา จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกะคุชุอิน กรุงโตเกียว สำหรับความรับรู้ของชาวไทย เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จมายังประเทศไทย และทรงทูลเกล้าถวายปลานิลจำนวน 50 ตัว แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงปลานิลในบ่อสวนจิตรลดา โดยปัจจุบันปลานิลกลายเป็นหนึ่งในปลาเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย

บทบาทของสมเด็จพระจักรพรรดิ-เยียวยาบาดแผลสงครามโลกครั้งที่ 2

ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ พระองค์ได้รับความชื่นชมจากการที่ในห้วงรัชสมัยของพระองค์ทรงวางระยะห่างของสถาบันสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นให้ออกห่างจากลัทธิชาตินิยมก้าวร้าวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ทั้งนี้แม้มีข้อจำกัดในทางรัฐธรรมนูญ แต่สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะก็ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อประเทศในเอเชียที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากการยึดครองของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทรงเริ่มต้นกล่าวแสดงความเสียใจต่อชาวจีน เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1989 สามเดือนภายหลังจากการสวรรคตของพระราชบิดา คือ สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ

ในโอกาสพบกับสื่อมวลชนในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2001 สมเด็จพระจักรพรรดิได้ตอบคำถามสื่อมวลชนต่อเรื่องความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลี โดยพระองค์กล่าวว่าพระองค์ยังคงรู้สึกถึงความเป็นญาติร่วมกับชาวเกาหลี และทรงอธิบายว่าตามโชกุ นิฮงงิ หรือ พงศาวดารญี่ปุ่น พระมารดา ของจักรพรรดิคัมมุ (ครองราชย์ ค.ศ. 781 ถึง 806) นั้นมีเชื้อสายสืบมาจากกษัตริย์มูรยอง แห่งอาณาจักรแพ็กเจ ของเกาหลี

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2005 สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ได้เสด็จเยือนเกาะไซปัน ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะนอร์ทเทิร์น มาเรียนา ไอส์แลนด์ ดินแดนของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยพระองค์ได้แสดงความเคารพและวางพวงมาลาให้กับอนุสรณ์สถานหลายแห่งบนเกาะ โดยไม่เพียงแสดงความเคารพต่อทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิต แต่ยังรวมถึงทหารสหรัฐอเมริกา แรงงานเกาหลี และชาวพื้นเมืองบนเกาะด้วย โดยการเยือนเกาะไซปันถือเป็นการเยือนเป็นครั้งแรกของราชวงศ์ญี่ปุ่น ในพื้นที่สมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกประเทศญี่ปุ่น

โดยการเยือนเกาะไซปันนี้ได้รับการชื่นชมจากประชาชนญี่ปุ่น ในขณะที่ก่อนหน้านี้สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะยังเคยเยือนอนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่โตเกียว ฮิโรชิมา นะงะซะกิ และโอะกินะวะ เมื่อ ค.ศ. 1995

ในรายงานของบีบีซี สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะยังคงหาทางเยียวยาบาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่อยมา โดยเมื่อ ค.ศ. 2015 ในโอกาสครบรอบ 70 ปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 พระองค์ทรงตรัสว่า "เมื่อมองย้อนกลับไปยังอดีต ก็รู้สึกเสียใจร่วมกันต่อสงคราม ข้าพเจ้าขอสวดอ้อนวอนต่อเหตุโศกนาฏกรรมสงครามว่าอย่าให้เกิดขึ้นซ้ำอีก และเคียงข้างไปกับประชาชน ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่เสียชีวิตจากทั้งในสมรภูมิและจากการทำลายล้างของสงคราม"

นอกจากนี้เมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน สำนักพระราชวังญี่ปุ่น ยังได้ทำการรีมาสเตอร์และเผยแพร่ไฟล์ดิจิทัลของพระสุรเสียงความยาว 4 นาทีเศษ ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ พระราชบิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ซึ่งทรงมีพระราชดำรัสต่อชาวญี่ปุ่นให้ยอมรับปฏิญญาพอตสดัมของฝ่ายสัมพันธมิตร และให้ทหารญี่ปุ่นยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพระราชดำรัสดังกล่าวเคยเผยแพร่เมื่อ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 อีกด้วย

ล่าสุดในการเยือนประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2016 สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ได้เยือนอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 ในกรุงมะนิลา เพื่อวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยด้วย

ทั้งนี้แม้ไม่มีการกล่าวพระราชดำรัสต่อสาธารณะในระหว่างพิธี แต่ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยงรับรองของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิกโน อากีโน ที่ 3 หรือ นอยนอย อากีโน เมื่อ 27 มกราคม ค.ศ. 2016 ตอนหนึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิมีพระราชดำรัสว่าญี่ปุ่นไม่อาจลืมความสูญเสียชีวิตครั้งใหญ่ในสงครามเมื่อ 70 ปีก่อน "ในระหว่างสงคราม การสู้รบดุเดือดระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นบนผืนดินฟิลิปปินส์ เป็นผลให้ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากเสียชีวิต และชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากได้รับบาดเจ็บ" สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นรับสั่ง และยังกล่าวว่า "เราชาวญี่ปุ่นต้องไม่ลืม"

แปลและเรียบเรียงจาก

Remarks by the Emperor at abdication ceremony, Mainichi, April 30, 2019

Emperor Akihito offers words of gratitude, NHK English, April 30, 2019

พระราชพิธีสละราชสมบัติ, Facebook/NHK WORLD-JAPAN Thai, April 30, 2019

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net