เลขาธิการ กกต. ยันสูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส. มีเพียงสูตรเดียว เตรียมรู้พร้อมกันวันประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เผยเตรียมเสนอ กกต. พิจารณาดำเนินคดีกับผู้สมัครทุกพรรคที่ศาลสั่งถอนชื่อ กรณีถือหุ้นสื่อ จำคุกสูงสุด 10 ปี ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปี และปรับสูงสุด 2 แสนบาท

30 เม.ย. 2562 สำนักข่าวไทย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเสนอสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 สูตร ให้กกต.พิจารณาว่า กรณีดังกล่าวสำนักงานกกต. รวบรวมความเห็นทางสังคมที่มีต่อสูตรคำนวณ เพื่อนำมาพิจารณาหาเหตุและผลว่าทำไมถึงแตกต่างกัน ไม่ใช่การเสนอความเห็นของสำนักงานกกต. เพื่อให้กกต. เลือกสูตรใดสูตรหนึ่งอย่างที่เข้าใจผิด

“ยืนยันว่าการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อมีอยู่แล้วและมีเพียงสูตรเดียว ตามข้อกฎหมายเท่านั้นและเป็นอำนาจของกกต. ที่จะต้องคำนวณตามกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องเลือกสูตรอื่น ๆ และสำนักงานกกต. ไม่ต้องเสนอสูตรให้กกต. อีก โดยวิธีการคำนวณจะทราบพร้อมกันเมื่อกกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งแล้ว” เลขาธิการกกต. กล่าว

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงการเตรียมดำเนินคดีกับผู้สมัครส.ส.ที่ถูกศาลฎีกาสั่งถอนชื่อออกจากการสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากถือหุ้นในกิจการสื่อฯ ว่า สำนักงานกกต.จะเสนอให้กกต.พิจารณา เพื่อดำเนินคดีอาญาทุกรายที่ศาลมีคำสั่งแล้ว ไม่เพียงเฉพาะกรณีของผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดสกลนครที่ศาลฎีกามีคำสั่งไปเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมาเท่านั้น กรณีนี้เข้าข่ายฐานความผิดตามมาตรา 151 ของกฎหมายเลือกตั้งส.ส. หากรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังฝ่าฝืนมาลงสมัครอีก จะมีโทษสูงสุดจำคุก10 ปี ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปีและปรับสูงสุด 200,000บาท

ส่วนกรณีศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่นเรื่องขอให้กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 11 คนถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เลขาธิการกกต. กล่าวว่า เรื่องอยู่ระหว่างส่งคำร้องให้กลุ่มงานสอบสวน ไปพิจารณาว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ หากมีมูลจะเสนอให้กกต.ตั้งกรรมการไต่สวนดำเนินการตามขั้นตอน โดยเป็นอำนาจของกรรมการไต่สวนที่จะพิจารณาหลักฐานและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอต่อกรรมการกกต.และส่งเรื่องให้ศาลดำเนินคดีต่อไป