Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นวันครบรอบ 5 ปีเต็มของการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่คนกลุ่มหนึ่งเรียกร้องและถวิลหาตามแนวคิดและทรรศนะทางการเมืองของพวกเขาเมื่อ 5 ปีก่อน

หากลองย้อนอดีตไป ก่อนหน้านั้นคนไทยด้วยกันแบ่งเป็นเหลือง เป็นแดง – เอาลุงกำนัน ไม่เอาลุงกำนัน – เป่านกหวีด ไม่เป่านกหวีด เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง สามีภรรยา ต่างขัดแย้งกันทางความคิดความเห็นทางการเมืองจนมองหน้ากันไม่ติด กลายเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายของผู้คนในสังคมหรือในหมู่คนไทยด้วยกันเอง

เพราะทรรศนะหรือแนวคิดทางการเมืองไม่ตรงกัน ทั้งจากคนในเมืองหลวงและต่างจังหวัด คนไทยได้เห็นภาพของกลุ่มคนใบหน้าเข้ม หนวดเครารุงรัง พากันไปบุกยึดสถานที่ต่างๆ ภาพของภิกษุในพุทธศาสนาคุมกำลังและบัญชาการผู้คน มีการใช้อาวุธข่มขู่ทำร้ายผู้ที่ไม่ใช่พวกตน ตอนนั้น คำว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” มีมนต์ขลัง ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ดีมีสกุล นักวิชาการของบ้านเมืองหลายต่อหลายคน ต่างพากันเฮโลสาระพา เห็นดีเห็นชอบไปกันหมด จนทหารอ้างเอาเป็นสาเหตุเข้ามายึดอำนาจของประชาชน

เมื่อเวลาผ่านไปจะครบ 5 ปี ผู้คนเหล่านนั้นในวันนี้หลายคนต่างพากันหลบหน้า หลบตา บ้างก็ได้รับโทษทันฑ์ตามกบิลเมือง บ้างก็ได้รับคำกร่นด่าประณาม บ้างก็ถูกผู้คนในสังคมปฏิเสธ จนไม่กล้าแสดงความคิดความเห็นว่าการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่เคยร่วมฉลองกันอย่างเกรียวกราวว่า หลังจากที่ชุดเขียวลายพรางออกยึดอำนาจไปจากประชาชนแล้วนั้น มันมีผลเป็นประการใด

แต่ก็มีบ้างในจำนวนผู้คนเหล่านั้น ที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ได้กระทำ และถึงวันนี้ก็ยังมีความเชื่อว่า ทั้งหลายทั้งปวงที่ผ่านมานั้น ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว และนี่แหละคือการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” เงิน 100 บาทในวันนั้น ถึงวันนี้ค่าของมันเพิ่มมากขึ้น มันยังสามารถซื้อของได้เต็มตระกร้า ยังเหลือเงินทอนไม่ได้ลดค่าลงไป ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงที่ปรากฎ มิได้เป็นเช่นที่ว่าในความรู้สึกของผู้คนทั่วไป

ในทางตรงข้ามกัน ในความคิดเห็นของคนอีกกลุ่มหนึ่งผลการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” มันคือความ “ล้มเหลว” ของประเทศชาติและระบบการเมืองไทย

เมื่อหวลคิดคำนึงถึงความคิดความเห็นของคนกลุ่มที่เห็นดีเห็นงานเมื่อ 5 ปีก่อนแล้ว จะเอ่ยชื่อก็รู้สึกอายแทน แต่ก็อยากให้พวกเขาสำนึกตัวและละอายต่อคน “รุ่นหลัง” บ้าง วันนี้หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป กลุ่มคนที่นิยมเป่านกหวีด และเรียกร้องให้ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” อย่าได้ลืมว่าหลักฐานและการแสดงความคิดเห็นนั้นยังปรากฎอยู่

การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา พรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช. หรือรัฐบาลที่เข้ามาเพื่อ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” นั้น ประชาชนได้เลือกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ลุงกำนันผู้นำในการเป่านกหวีดและเรียกร้องฯพ่ายแพ้อย่างราบคาบดูไม่จืด พรรคที่ไปให้การสนับสนุนสูญเสียเก้าอี้ที่เคยครองไปจำนวนมาก จนต้องเตรียมการจะยกเครื่องกันใหม่ การเมืองเรื่อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ได้ผ่านข้อสรุปไปแล้ว

อีกทั้งยังปรากฎเรื่องดีๆ ผู้คนที่ไม่เคยคุยกันเพราะเหตุของการแบ่งสี แบ่งข้าง วันนี้ต่างหันหน้ามาคุยกัน แม้จะยังคิดไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นยังเกิดมีปรากฎการณ์ของ “คนรุ่นใหม่ ความคิดใหม่” ขึ้นอีกในสังคม

อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์ “คนรุ่นใหม่ ความคิดใหม่” กลับกลายมาเป็นเป้าให้ “คนรุ่นก่อน” ลุงๆ ป้าๆ ทั้งหลายโขกสับกันอีกครั้ง

ความเชื่อที่ว่า ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน ฉันรู้มากกว่า และเงิน 100 บาทในวันนี้ ยังมีค่าเท่ากับวันก่อนหน้านั้น รวมทั้งเรื่องความมั่นคงของสถาบันต่างๆ อาจใช้เป็นคำเทศนาได้ แต่สำหรับ “คนรุ่นใหม่ ความคิดใหม่” มันเป็นคำสอนที่ล้าหลัง ที่ไม่พัฒนา และยังทำลายความมั่นคงของชาติ ประชาชน

ความขัดแย้งในรอบใหม่นี้ จึงเป็นความขัดแย้งทางความคิดของคนสองรุ่น คือ”รุ่นใหม่และรุ่นเก่า” มันจะจบลงที่ตรงไหน น่าสนใจ

ผีหรือปีศาจตัวเก่าๆ กำลังจะถูกปลุกขึ้นมาเพื่อทำลายคนที่คิดไม่เหมือนกับตนเอง จนทำให้บ้านเมืองเสียหาย ล้มเหลว เหมือนกับที่เคยเป็นมาตลอด 5 ปี นี้หรือไม่

คำตอบคงจะทะยอยออกมาเรื่อยๆ นับจากนี้ พร้อมๆ กับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงไป จนยากที่จะหยุดยั้งได้

อีกไม่นานเกินรอ จะได้เห็นกัน..!!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net