Skip to main content
sharethis

ภาพจากเฟสบุ๊คเพจ ธนวัฒน์ วงค์ไชย - Tanawat Wongchai

8 พ.ค. 2562 แนวหน้าออนไลน์ รายงานว่า เวลา 10.45 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ สิรวิชย์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือบอล แกนนำแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทั้ง 7 คน 

โดยสิรวิชย์ ระบุว่าขอให้ดำเนินการการไต่สวนและมีความเห็นกรณี กกต. มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่และจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง  พร้อมกับได้นำเอกสารหลักฐานจำนวนมาก รวมทั้งนำรายชื่อผู้ร่วมร้อง 4,833 รายชื่อยื่นพร้อมครั้งนี้ด้วย โดยมุ่งหวังให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วและมีความเห็นแล้วมีมติ เพื่อยื่นต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ตัดสินต่อไป ไม่ต้องการให้จบแค่ชั้นป.ป.ช. แต่ต้องการให้ไปถึงชั้นศาล

ธนวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ที่ตรวจพบ 11 กรณี คือ 1. การที่วินิจฉัยให้ บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์เป็นบัตรที่ไม่สามารถนับคะแนนได้ ทำให้สิทธิ์และเสียงของประชาชนไทยในนิวซีแลนด์ จำนวน 1,542 ใบ ไม่สามารถสะท้อนเจตจำนงได้  

2.การตรวจสอบกรณี ระดมทุนโดยจัดโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ เป็นไปด้วยความล่าช้าและเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ เมื่อเทียบกับการดำเนินคดีพรรคการเมืองอื่นที่สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว 

3.กรณีบัตรเขย่ง ที่มีบัตรเลือกตั้งหายไป 9 ใบ และมีการจัดเลือกตั้งใหม่บางหน่วย ซึ่งการเลือกตั้งใหม่นั้นเป็นการเลือกตั้งที่รู้ผลอยู่แล้วจึงเข้าข่าย จะเป็นการเลือกตั้งโมฆะตามแนวทางวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 เป็นโมฆะ 

4.จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งแถลง ในวันที่ 24 มี.ค กับวันที่ 28 มี.ค. ไม่ตรงกัน ก็อาจทำให้การเลือกตั้ง เกิดความไม่โปร่งใส 

5.ดุลยพินิจในการวินิจฉัยบัตรดีและบัตรเสียของกรรมการประจำหน่วย มีความคลาดเคลื่อนและส่งผลให้การนับคะแนนเกิดปัญหาดังที่เราได้เห็นในการนับคะแนนใหม่เขต1 จังหวัดนครปฐม จึงต้องการให้มีการตรวจสอบว่า กกต. กลาง ได้มีการวินิจฉัยในประเด็นนี้แล้วมีการแก้ไขหรือยัง 

6.เอกสารประชาสัมพันธ์ของกกต. เกิดความผิดพลาดทำให้เกิดความเข้าใจและสำคัญผิดในตัวผู้สมัคร บางราย เช่น การกรอบวุฒิการศึกษาผิดพลาด การจัดเรียงหน้าเอกสารผิดพลาด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดของหมายเลขผู้สมัคร การกรอกชื่อของพรรคการเมืองของผู้สมัครคนนั้นผิดพลาด เอกสารประชาสัมพันธ์ผิดพลาดเช่นนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสำคัญผิดในตัวผู้สมัคร 

7.การพบบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเด็กอายุ 7 ขวบ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว 20 กว่าปี อยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิทั้งที่เป็นผู้ไม่มีสิทธิ กรณีเช่นนี้อาจเกิดความไม่โปร่งใส

 8.ความล้มเหลวในการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่มาเลเซีย ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ประชาชนบางรายไม่สามารถใช้สิทธิได้ทัน 

9.การนับคะแนนใหม่เขต 1 นครปฐม พบว่าการนับคะแนนของวันที่ 24 มี.ค. กับวันที่ 28 เม.ย. นั้นจำนวนผู้มีสิทธิต่างกัน และเกิดความคลาดเคลื่อนในการนับคะแนนทั้งสองครั้ง ซึ่งอาจสะท้อนว่าเกิดความไม่โปร่งใส ในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น

10.พฤติกรรมเลี่ยงตอบคำถามของ กกต. โดยข้ออ้างว่าไม่มีเครื่องคิดเลข การจงใจไม่ตอบคำถามของนักข่าวกรณีที่มีชื่อเด็กและคนตายในบัญชีผู้มีสิทธิ การไม่ยอมเปิดเผยสูตรการคำนวณส.ส. บัญชีรายชื่อ ถือได้ว่าเป็นการจงใจปกปิดข้อมูลสาธารณะซึ่งขัดต่อจริยธรรมการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.

11.กกต. ไม่ดำเนินการเอาผิดใดๆ กับผู้ที่ทำให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาถึงล่าช้าจึงทำให้ยอด บัตรการลงคะแนนเสียงไม่ตรงกับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งหรือบัตรเขย่งซึ่งถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net