โฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุสามารถชี้แจงกรณี 'ศรีสุวรรณ จรรยา' จะไปร้อง กกต. 'ธนาธร' ให้พรรคกู้ยืมเงิน ได้ ชี้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ให้ระบุเฉพาะที่มารายได้ของพรรคการเมืองไม่ได้ระบุรายจ่าย ทั้งนี้การกู้เงิน-การเป็นหนี้ของพรรคนั้นเป็นรายจ่ายไม่ใช่รายได้ ส่วนจะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นการให้กู้เงินไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ของกฎหมาย 

20 พ.ค. 2562 เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงเงินที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ให้พรรคกู้ยืมว่า ตามที่ตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขที่ออกมามันไม่ตรงกันนั้น ตนขออธิบายว่าจำนวนเงินที่เป็นวงเงินสูงสุดที่นายธนาธร กำหนดให้พรรคกู้นั้น อยู่ที่เพดาน 250 ล้านบาท แต่จนถึงวันเลือกตั้ง พรรคกู้ไป 90 ล้านบาท และถึงวันนี้กู้เพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่าย ตัวเลขจึงอยู่ที่ 110 ล้านบาท นี่คือสาเหตุที่ตัวเลขไม่ตรงกัน นายธนาธร คิดดอกเบี้ยแบบเงินกู้ระยะยาว ไม่ได้แสวงหาผลกำไรจากการให้กู้ครั้งนี้

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ช่วงปลายปีมีความไม่แน่นอน ไม่รู้กฎหมายลูกจะออกเมื่อใด เราจึงไม่รู้ว่าการระดมทุนนั้นอะไรทำได้ หรือไม่ได้ ยังไม่ชัดเจน จึงทำให้การระดมทุนไม่เป็นไปตามแผน ทำให้หารายได้ไม่ทันกับรายจ่าย เช่น การไปเช่าสำนักงานใน 77 จังหวัด การซื้อครุภัณฑ์ต่างๆ จึงขมวดเจ้าหนี้มาเป็นรายเดียวคือนายธนาธร และนำเงินไปจ่ายเจ้าหนี้รายอื่นๆ เพื่อบริหารจัดการได้ง่าย

โฆษก อนค. กล่าวว่าการกู้เงินครั้งนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว และพรรคจะจ่ายเงินทั้งหมดคืนนายธนาธร ขณะนี้เราวางแผนการเงินอยู่ว่าจะคืนเงินทั้งหมดให้เร็วที่สุดได้เมื่อใด เบื้องต้นมีข้อเสนอว่าอาจเพิ่มอัตราค่าสมาชิกของพรรคจากคนละ 100 บาทเป็น 200 บาท เพื่อให้พรรคเลี้ยงตัวเองได้ ส่วนที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะยื่นเรื่องนี้กับกกต.นั้น ไม่มีปัญหา พร้อมชี้แจงได้ทั้งหมด ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ขัดกับพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น ยืนยันว่าพ.ร.ป.ระบุเฉพาะที่มารายได้ของพรรค ไม่ได้ระบุรายจ่าย และนี่คือการกู้เงิน ซึ่งในการเป็นหนี้ของพรรค เป็นรายจ่าย ไม่ใช่รายได้ ส่วนที่บอกว่านายธนาธรเป็นหัวหน้าพรรคจะเข้าข่ายครอบงำพรรคนั้น ไม่เกี่ยวกัน เพราะให้กู้เงิน ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ของกฎหมาย