‘มิ่งขวัญ’ ชี้จะปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อย่างเต็มความสามารถต่อชาติ ศาสนา และเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ ‘สุภดิช อากาศฤกษ์’ รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่คนที่ 1 จะทำหน้าที่รักษาการแทนหัวหน้าพรรคจนกว่าจะมีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

ภาพจากเฟสบุ๊คแฟนเพจ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่

วันนี้ (23 พ.ค. 62) มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทำหนังสือชี้แจงกรณีลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยกล่าวว่า การบริหารจัดการในพรรคได้แบ่งแยกภารกิจการทำงานออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน คือตนมีหน้าที่รับผิดชอบในการร่างนโยบายระบบเศรษฐกิจใหม่ การออกไปพูดกับสาธารณชน และสื่อต่างๆ ส่วนการบริหารกิจการภายในพรรค การรับสมัครสมาชิกพรรค คัดเลือกผู้สมัคร การระดมทุน และการบริหารจัดการทางการเงินทั้งหมด เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ สุภดิช อากาศฤกษ์ และทีมบริหารอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ดูแล บัดนี้ได้ผ่านพ้นการเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนเห็นว่าเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสม จึงขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่

โดยการลาออกครั้งนี้ตนยังคงสถานะสมาชิกภาพของพรรคเศรษฐกิจใหม่ และตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบบัญชีรายชื่อ และสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 จะทำหน้าที่รักษาการแทนหัวหน้าพรรคจนกว่าจะมีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

มิ่งขวัญยังกล่าวย้ำว่า ตนและ ส.ส. ทั้งหมด 6 คนของพรรคจะรักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชน ตามที่เคยได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนในทุกๆ โอกาส ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อย่างเต็มความสามารถต่อชาติ ศาสนา และเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์

อนึ่ง ก่อนหน้านี้วันที่ 23 มี.ค. มิ่งขวัญได้เคยแถลงจุดยืนทางการเมืองของพรรคในเพจ เพจ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ว่า ทางพรรคเศรษฐกิจใหม่ ขอแถลงจุดยืนทางการเมืองดังต่อไปนี้ ข้อ 1. นับตั้งแต่ผมเอง กลับเข้ามาทำงานการเมือง จนเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ผมประกาศชัดเจนว่า ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน และ ทางพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็ได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนมาโดยตลอดเช่นกัน ในทุกเวทีการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น จนปัจจุบัน ขอยืนยันว่าจุดยืนและอุดมการณ์ดังกล่าว จะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ข้อ 2. เราขอยืนยันว่า จะทำงานร่วมกับฝั่งประชาธิปไตย และ คำนึงถึง เรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต และผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย อนึ่ง ถ้ามีการอ้างความเป็นประชาธิปไตย แล้วพบว่า มีการทำงานโดยไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยเกิดขึ้น เราพร้อมจะขอถอนตัวออกมาทันที

ต่อมาวันที่ 19 เม.ย. ในงานแถลงข่าวหลังจากเกิดกรณีผู้สมัคร ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้พิจารณายุบพรรคเศรษฐกิจเนื่องจากเชื่อว่ามีบุคคลภายนอกเข้าครอบงำพรรคการเมือง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ว่า มีกระแสข่าวว่าที่ ส.ส. ของพรรคส่วนหนึ่งต้องไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ อีกส่วนหนึ่งก็ยังยืนยันตามหลักการ มิ่งขวัญระบุว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวถามใหม่ และถามให้ชัดๆ เพื่อที่ตนจะได้ตอบชัดๆ ผู้สื่อข่าวจึงถามใหม่ว่า จะไปร่วมกับพรรคพลังประรัฐหรือไม่ มิ่งตอบอย่างเน้นเสียงว่า ไม่ร่วม พร้อมระบุว่าพรรคเคยออกแถลงการณ์ไปตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วันแล้ว ว่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้ เพราะมีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน

“ผมจะพูดช้าๆ ชัดๆ นะครับ ผมไม่ได้มีความรังเกลียด โกรธ ทะเลาะเบาะแว้งกับพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นคนรู้จักกัน เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกันทั้งวงการ แต่อุดมการณ์ทางการเมืองมันต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน ผมก็บอกว่าไม่ และผมพูดอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น และที่ทุกคนบอกว่าเปลี่ยนแล้ว งูเห่า มีการเจรจา อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ผมก็บอกว่าไม่ ชัดเจนไหม วันนี้ชัดเจนไหม ส่วนวันที่เขาไปให้สัตยาบรรณกัน วันนั้นผมนัดที่จะไปขอดูคะแนนดิบที่ กกต. เรานัดเขาไว้ก่อนถ้าเราไม่ไปก็เสียผู้ใหญ่ นี่ย้อนความเก่าให้ฟังจะได้ชัดเจนกันให้หมด”มิ่งขวัญ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มิ่งขวัญตอบว่าชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ต่อไปว่า การไม่ร่วมเป็นรัฐบาลแต่สามารถโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคเศรษฐกิจใหม่จะโหวตให้พล.ประยุทธ์ โดยไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ มิ่งขวัญตอบว่า ตนยืนยันว่าไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะไปโหวตให้ได้อย่างไร