ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ "เมื่อเขาไม่ให้ผมเข้าสภา ผมก็จะทำงานกับประชาชน"

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แถลงหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง กกต. กรณีถือหุ้นสื่อ และระงับการทำหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะวินิจฉัยเสร็จ ระบุ กกต. รีบเร่งส่งเรื่องทั้งที่คณะสืบสวนยังทำงานไม่เสร็จ เทียบกรณี ‘ดอน’ ข้อหาเดียวกันใช้เวลายาวนาน 417 วัน แต่ของตนใช้ 53 วันเท่านั้น โดยระบุว่าแม้เข้าสภาไม่ได้ก็จะทำงานกับประชาชน

23 พ.ค. 2562 ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้รับคำร้องกรณีการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด และมีมติ 8-1 เสียงให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

ธนาธร กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูยดังกล่าว ตามเหตุผลด้านกฎหมายที่ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิกร อนค. แถลงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาตั้งข้อสังเกตถึงคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญว่ามีความเร่งรีบเกินไป มีการพิจารณาที่รีบร้อนผิดปกติ ด้วยเหตุผลว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสื่อยังคงดำเนินการสืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริงไม่เสร็จ เหตุใด กกต. ชุดใหญ่จึงพิจารณาและส่งข้อร้องเรียนให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 16 พ.ค.  เอกสารเรียกพยานเข้าสืบความเพิ่มเติม ลงวันที่ 17 พ.ค. 2562 โดยกำหนดนัดวันที่ 24 พ.ค. 2562 แต่ทำไมไม่รอการสืบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน

กรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีเดียวของความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับข้อร้องเรียนนี้ ยังมีกรณีที่ กกต. เรียกสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของเขาไปสอบปากคำตามข้อร้องเรียนดังกล่าว จดหมายเรียกสอบปากคำมาถึงบ้านในวันที่ 22 เม.ย. ตอนบ่าย เรียกไปให้ปากคำในวันเดียวกันตอนเช้า ซึ่งไม่มีใครสามารถไปตามนัดได้ และ กกต. ก็ไม่รอ แจ้งข้อกล่าวหาทันที

เอกสารลงวันที่ 17 พ.ค. ส่งวันที่ 21 พ.ค. มาถึง 22 พ.ค. เรียกสืบพยานจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. เพิ่มขึ้นสามคน หมายความว่าคณะกรรมการสืบสวนข้อร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสือยังดำรงการสืบสวนอยู่ถึงทุกวันนี้ คณะกรรมการชุดเล็กยังแสวงหาข้อเท็จจริงในเวลานี้อยู่ คำถามคือ เหตุใด กกต. ชุดใหญ่จึงพิจารณาและส่งข้อร้องเรียนนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 16 พ.ค. ในขณะที่ชุดเล็กยังแสวงหาข้อเท็จจริงไม่เสร็จ เอกสารนี้ลงวันที่ 17 พ.ค. เรียกพยานเข้าไปสืบความเพิ่มเติมใน 24 พ.ค. เหตุใด กกต. จึงเร่งเรีบ ไม่รอให้การสืบสวนเสร็จสิ้น

กรณีนี้ไม่ใช่กรณีเดียวของความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับข้อร้องเรียนนี้ กรณีที่ กกต. เรียกแม่ของเขาไปสอบปากคำในข้อร้องเรียนนี้ จดหมายมาถึง 22 เม.ย. ตอนบ่าย เรียกไปให้ปากคำในวันเดียวกันตอนเช้า ไม่มีใครสามารถไปให้ปากคำในเวลานที่นัดแนะในอดีตใน และ กกต. ไม่รอ แจ้งข้อกล่าวหาทันที

ธนาธรยังกล่าวว่า เมื่อวานนี้ปิยบุตรก็ได้แถลงไปแล้วเรื่องความเร่งรีบผิดปกติของคดีนี้ เทียบกับกรณีดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีการวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี จากเหตุที่ภรรยาของดอนถือหุ้นเป็นสัดส่วนเกินร้อยละ 5 ที่ใช้เวลา 417 วัน แต่กรณีของธนาธรใช้เวลา 53 วัน ทั้งที่กระบวนการเริ่มที่เดียวกัน จบที่เดียวกัน ต่างกันถึง 364 วันหรือเกือบหนึ่งปี

“คำถามก็คือ ทุกท่านคิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมในกรณีนี้หรือไม่ ทุกท่านคิดว่าการทำงานของกระบวนการอิสระที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติในประเทศไทยเป็นธรรมหรือไม่ คำถามที่ผมอยากจะเรียกร้องต่อสาธษรณะก็คือว่า ทุกท่านช่วยกันตรวจสอบ พิจารณามติของ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญช่วยพิจารณาร่วมกับผมทีหนึ่งว่าผมได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ มีความพยายามจะผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปกติหรือไม่ ผมอยากจะฝากพี่น้องประชาชนช่วยร่วมกันรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระ”

“ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ผมหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อบ่ายวันนี้ แต่ผมและพรรคอนาคตใหม่จะเดินหน้ารวมเสียงพรรคการเมืองที่ต่อต้านระบอบเผด็จการ เพื่อผลักดันให้ธนาธรเป็นนายกฯ อย่างไม่หยุดยั้ง ธนาธรยังพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ยังมีศักดิ์ และสิทธิเป็นนายกฯ วันนี้อยากให้เราลองยืนเงียบๆ นิ่งๆ แล้วเงี่ยหูฟัง วันนี้เราได้ยินเสียงความไม่พอใจของคนที่อยู่ข้างนอกหรือเปล่า คสช. และระบอบเผด็จการที่มากับพวกเขาคืออาทิตย์ที่กำลังอัสดง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามสืบทอดอำนาจผ่านการดึง ส.ส. จากพรรคอื่นก็ดี หรือด้วยการสกัดผมไม่ให้เข้าสภาผู้แทนราษฎรก็ดี นี่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของเผด็จการ ความดิ้นรนครั้งสุดท้ายของระบอบรัฐประหาร พวกเขาคือกลุ่มคนที่ต้องการให้ทุกวันของวันนี้เป็นเมื่อวาน เพื่อจะได้เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาคือความมืด พวกเราคือแสงสว่าง พรรคอนาคตใหม่ขออาสาเป็นผู้เปิดประตูสู่รุ่งอรุณของวันใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นแคนดิเดตนายกฯ และขออาสาเป็นนายกฯ เพื่อหยุดยั้งระบอบ คสช. เพื่อหยุดยั้งระบอบเผด็จการ”

ธนาธรยังกล่าวว่า ทุกคนอาจจะสิ้นหวัง ทุกคนอาจจะหมดหวังเมื่อได้ยินข่าวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อบ่ายนี้ อยากจะเรียนผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่และผู้รักประชาธิปไตย ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาของการสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบเผด็จการ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความอยุติธรรม ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องที่ยังรักความยุติธรรมอยู่ ยืดหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ลุกยืนและต่อสู้ร่วมกันเพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย ร่วมสร้างสังคมที่เป็นธรรม นี่คือภารกิจของประชาชนที่รักความถูกต้องและประชาธิปไตย

“ผมอยากจะบอกว่า ผม, แกนนำพรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคอนาคตใหม่อีก 79 คน ยังไม่หมดหวัง ถึงแม้วันนี้ผมถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ผมยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ ระหว่างรอการวินิจฉัยของศาล ผมจะยังคงทำงานกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อนื่อง ในเมื่อเขาไม่ให้ผมเข้าสภา ผมก็จะอยู่กับประชาชน จะทำงานในฐานะผู้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 6 ล้าน 3 แสนเสียงทั่วประเทศ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท