ประชาชน 40-50 คนใส่เสื้อดำยืนชุมนุมส่งข้อความถึงผู้มีอำนาจ คัดต้านการสืบทอดอำนาจของทหาร วิจารณ์ประเด็นศาลรัฐธรรมนูญตัดสินธนาธร อดีต ส.ส. ไทยรักษาชาติระบุ ไม่กังวลเรื่องเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง ความรุนแรงเพราะคนมาชุมนุมอย่างสันติ ถ้าไม่ส่งเสียงแล้วใครจะรู้ว่าประชาชนทนไม่ได้ ผู้ชุมนุมบางส่วนยังมองว่าการชวนกันลงถนนบนโซเชียลยังไม่ได้ผลมากพอ

24 พ.ค. 2562 ที่สกายวอล์กหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) มีกลุ่มประชาชนราว 40-50 คนใส่ชุดดำมาชุมนุม การนัดหมายถูกส่งต่ออย่างไม่มีแกนนำจัดตั้งภายใต้ธีม ใส่ชุดดำ แสดงพลังต่อเผด็จการ ผู้ชุมนุมหลายคนนำป้ายข้อความ ภาพวาด รวมทั้งพวงหรีดมาด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบยืนตรวจตรา

ผู้ชุมนุมผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่าเป็นการมาร่วมการชุมนุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 เธอถือป้ายอักษรภาษาจีนที่แปลว่า “อำนาจเผด็จการ (ตู่ฉาย)” ที่เพื่อนชาวไต้หวันเขียนให้ เธอรู้สึกดีที่ได้กำลังใจจากเพื่อนๆ ที่มาร่วมชุมนุม และไม่ได้กลัวการมาชุมนุม เนื่องจากไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้สร้างความไม่สงบอะไร ต่อคำถามเรื่องความกังวลว่าการชุมนุมจะเป็นเงื่อนไขการก่อความรุนแรงหรือรัฐประหาร เธอบอกว่า ความคิดเช่นนี้เหมือนกับความคิดที่ว่าผู้หญิงแต่งตัวโป๊เปลือย จึงถูกข่มขืน สิ่งที่เธอทำวันนี้เป็นสิทธิที่จะแสดงความเห็น

ภาพประกอบโดย: คชรักษ์ แก้วสุราช

ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด นักกิจกรรมการเมืองที่มาร่วมชุมนุมด้วย เธอมาพร้อมป้ายข้อความ “ศาลผียังมีความน่าเชื่อถือกว่าศาลรัฐธรรมนูญไทย” ชลธิชากล่าวว่ามาวันนี้เพราะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลรัฐธรรนูญที่มีคำสั่งให้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ซึ่งคำสั่งดังกล่าวนั้น ช่องทางหนึ่งคือการขัดขวางตัวแทนจากฝ่ายประชาธิปไตย คำสั่งนี้ยังเป็นช่องทางเพื่อให้การสืบทอดอำนาจของ คสช. เป็นไปได้ง่ายขึ้น

“ทั้งตัวกลไกอิสระ และตัวผู้มีอำนาจควรจะรับฟังเสียงของประชาชนที่เขาไปเลือกตั้งมา”

“ต่อให้เราไม่ออกมาเคลื่อนไหว คสช. ก็ยังสืบทอดอำนาจ พยายามสืบทอดอำนาจต่อ เชื่อว่าหลายคนเชื่อมันในการต่อสู้ในระบบสภา แต่ ณ วันนี้การต่อสู้ในสภาคงไม่เพียงพอ การต่อสู้ที่ประชาชนควรร่วมมือร่วมใจกันคือการต่อสู้บนท้องถนน การต่อสู้ของภาคประชาชน การต่อสู้ของภาคประชาชนและการเมืองควรเดินไปด้วยกัน” ชลธิชากล่าวถึงข้อกังวลเรื่องการตกเป็นเงื่อนไขสร้างความรุนแรง

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส. และอดีตผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต จ.แพร่ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) มาพร้อมภาพวาดธนาธร เขาเชิญชวนให้ประชาชนลงลายเซ็นในภาพวาด และหากมีโอกาสก็จะนำภาพวาดไปให้ธนาธร

ทศพรกล่าวว่า ที่ผ่านมาเขาวาดรูปประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความอยุติธรรมมาตลอด 5 ปี จึงวาดรูปธนาธรที่เป็นแพะตัวล่าสุดเพื่อเป็นกำลังใจให้ธนาธรและประชาชนทีร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วย

ทศพรยังกล่าวว่า การชุมนุมนี้คงไม่เป็นเงื่อนไขต่อการสร้างความรุนแรงหรือความขัดแย้ง เพราะประชาชนที่มาไม่ได้แสดงความรุนแรง มาแสดงออกอย่างสันติวิธี ถ้าอยู่เงียบๆ คนหรือองค์กรต่างๆ ก็ไม่รู้ว่าประชาชนรู้สึกทนไม่ไหว ก็ต้องออกมาแสดงออกบ้าง ถ้ามีโอกาสก็คงไปวาดรูปที่สภา ที่ทำเนียบ ที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือที่ กกต.

ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมการเมืองที่มาร่วมชุมนุมด้วย เผยว่า ประชาชนออกมาแสดงออกว่าประชาชนไม่ได้ยินยอม แม้อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็ได้ แต่ว่าวันนี้เป็นการแสดงออกเพื่อบอกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่เป็นความไม่ยุติธรรมนั้นไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความยินยอมของประชาชน

"ถ้าให้ตั้ง (ชื่อกลุ่มคนที่มาชุมนุม) เองก็อาจจะเป็น กลุ่มคนไม่ ทนคสช. เพราะว่าทุกวันนี้ถึงแม้ว่าคสช. อาจจะไม่อยู่ในเร็วๆ นี้ แต่ว่าหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายๆ มาเนี่ย เหมือนเราถูกรัฐประหารไปอีกรอบหนึ่ง เราถูกรัฐประหารด้วยกลไกที่ร่างขึ้นมาในรัฐธรรมนูญ ทำให้ ส.ส.แถวหน้าจำนวนมาก อย่างปาร์ตี้ลิสของบางพรรคไม่ได้เข้าสภาเลย เพราะว่าเป็นพรรคที่ได้รับความนิยมมากเกินไป อย่างนี้เป็นต้น เราได้เห็นการสกัดกั้น ส.ส.ดาวรุ่ง นักการเมืองหน้าใหม่ เหมือนเป็นการกำจัดคนที่มีศักยภาพที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตล่วงหน้าซะด้วยซ้ำไป เรามองว่านี่คือการยึดอำนาจในรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น" ณัฏฐากล่าว

บาส (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ผู้ที่ผ่านการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้ง มองว่าในวันนี้คนยังมาน้อย อาจเป็นเพราะว่าคนยังกลัวกันอยู่ แต่ก็ยังมองว่าหากการชุมนุมขยายขึ้นจนมีรัฐประหารซ้อนก็ต้องดูว่าประชาชนจะยังคงออกมาแสดงอำนาจต่อหรือไม่

"ผมก็หวังว่าถึงจุดหนึ่งถ้ามันไม่ไหวแล้วมีพรรคอะไรที่เราชอบถูกยุบไปแล้ว ผมก็หวงว่าคนจะตื่นตัวมากกว่านี้นะ เขากล้าที่จะออกมา ผมรู้สึกว่าคนเขายังคงกลัวกันอยู่ก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะเขาก็ต้องการให้เรากลัวกันอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องออกมา"

"ถ้ามันเกิดความรุนแรง การยิงกัน เขาก็จะเอามาเป็นข้ออ้างกันอีก แต่ถ้าเกิดคนมาแสดงพลังกันแล้วมันสงบมันก็อาจะไม่มีข้ออ้างไปจนถึงจุดนั้น หรือว่าต่อให้มีการรัฐประหาร ถ้าสมติมีขึ้นมาแล้วคนที่ชุมนุมกันอยู่เราจะโอเคให้เขารัฐประหารแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านหรือเราจะแสดงพลังต่อเรื่อยๆ เหมือนกับเคสที่มันเกิดขึ้นในต่างประเทศอย่างซูดาน หรือว่าทางรัสเซียสมัยช่วงที่เขากำลังจะเปลี่ยนผ่าน" บาสกล่าว

ต้น (นามสมมติ) อายุ 31 ปี หนึ่งในผู้มาร่วมชุมนุม มองว่ามีหลายสาเหตุที่ข้อถกเถียงเรื่องการลงถนนบนโลกออนไลน์ที่มีการพูดถึงบ่อยยังไม่เป็นการเคลื่อนไหวในโลกความเป็นจริง 

"อย่างในอินเทอร์เน็ตตอนนี้ก็มีคนเริ่มพูดว่าเราลงถนนกันไหม เราไปชุมนุมกันไหม แต่มีอีกฝั่งหนึ่งเหมือนกันที่รู้สึกว่าการลงถนนมาไม่มีประโยชน์ ลงมาก็เสียเปล่า ลงมาก็ตายฟรี หรือลงแล้วก็แค่นั้นไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่มีใครคิดแล้วเห็นเป็นรูปธรรมว่าการออกมาแล้วจะเปลี่ยนแปลงหรือเป็นพลังจริงๆ มันจะอยู่ในรูปแบบไหนเหมือนกัน เหมือนเราเองก็เคยคุยกับเพื่อนกึ่งๆ เหมือนกันว่ามันเหมือนภาวะที่เรียกว่าคนรุ่นใหม่ ชาวฟ้าหรืออะไรก็ตามที่เขาจะเรียกกัน ที่ตอนนี้ทุกคนเหมือนกับว่าพยายามบอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นพลังใหม่ที่ขึ้นมาในการถกเถียงทางการเมืองตอนนี้จากกระแสออนไลน์ ในทวิตเตอร์ในอะไรต่างๆ แต่ตอนนี้มันเป็นจุดเปลี่ยนจุดที่ คนกลุ่มนี้จะต้องค่อยๆ เริ่มคิดว่าพลังหรือเสียงของพวกเขามันจะไปในลักษณะไหน มันจะกลายไปเป็นแบบไหน"

"ถ้าเป็นวงแค่นี้เราไม่กลัวแต่ถ้ามันจะขยายใหญ่กว่ารี้เราก็ยังไม่ทราบเพียงแต่ว่าด้วยสเกลของการชุมนุมวันนี้มันมีมีอะไร ในท้ายที่สุดมันก็เป็นการแสดงพลัง แสดงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง มันยังไม่ได้อยู่ในจุดที่จุดไม้ขีดแล้วขึ้นมาแล้วยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ณ เวลานี้เพียงแต่ว่าตอนนี้ความโกรธ ความรู้สึกของคนมันรู้สึกแล้วแหละ เพียงแต่ว่าคนที่จะสามารถออกมาได้ และออกมาโดยที่มั่นใจ หรือออกมาโดยรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ต้องเสียอีกแล้วมันอาจจะยังไม่ถึงจุดนั้น" ต้นกล่าว

หมายเหตุ: ประชาไทเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนการสัมภาษณ์ผู้ร่วมชุมนุม และปรับคำโปรย ในวันที่ 25 พ.ค. 2562 เวลา 18.30 น.