หนังสือ 'ความลับสุดท้าย' เปิดโปงเอกสารลับรัฐบาลจีนช่วงเหตุการณ์ 'เทียนอันเหมิน' ที่ปิดมืดมาเป็นเวลา 30 ปี

เปาผู ผู้จัดพิมพ์หนังสืออิสระในฮ่องกง ตีพิมพ์เผยแพร่เอกสารลับส่วนหนึ่งของรัฐบาลจีน ในสมัยที่มีการใช้ความรุนแรงสังหารผู้ชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในชื่อหนังสือว่า 'ความลับสุดท้าย' (The Last Secret) โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งในหนังสือระบุถึงการที่ผู้นำระดับสูงของพรรคอ้างว่าผู้ประท้วงเป็นกลุ่มสมคบคิดกับชาติตะวันตก โดยที่มีแต่การอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานใดๆ ในที่ประชุมของคณะกรรมการระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ที่พยายามแสดงให้เห็นความภักดีต่อผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง


ที่มาภาพ: RFA

เมื่อ 30 ปี ที่แล้วของสัปดาห์นี้ กลุ่มผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เป็นคนช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีสายปฏิรูปให้เป็นเสรีมากขึ้นอย่างจ้าวจื่อหยางถูกควบคุมตัวไปคุมขัง หลังจากนั้นผู้นำสูงสุดของรัฐบาลจีนในยุคนั้นคือเติ้งเสี่ยวผิงก็เริ่มเปิดฉากการปราบปรามขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน

หลังจากที่กองทัพจีนปราบปรามการประท้วงด้วยอาวุธปืนกลและรถถังในช่วงระหว่างคืนวันที่ 3-4 มิ.ย. 2532 เปาตง หัวหน้าฝ่ายปฏิรูปการเมืองของพรรคในยุคนั้นก็ถูกควบคุมตัวและถูกสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 7 ปี เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดกับจ้าวจื่อหยาง เปาตงเสียชีวิตขณะถูกคุมขังภายในบ้านเมื่อปี 2548

เปาหู ลูกชายของเปาตงเป็นหนึ่งในผู้จัดพิมพ์หนังสือในฮ่องกงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เขาตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือเล่มล่าสุดชื่อ 'ความลับสุดท้าย' (The Last Secret) ที่เปิดโปงข้อมูลจากเอกสารลับของรัฐบาลจีนช่วงหลังจากการสังหารหมู่ประชาชนได้ไม่นาน โดยเป็นเอกสารลับที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน หนังสือเล่มนี้จะเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ทางอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนผู้สั่งหารใช้ความรุนแรงต่อประชาชน

เอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มผู้นำในพรรคพากันแห่หนุนหลังเติ้งเสี่ยวผิงหลังจากการสังหารหมู่ประชาชนที่เทียนอันเหมิน เปาหูให้สัมภาษณ์ต่อสื่อเรดิโอฟรีเอเชียว่าเอกสารระดับสูงเหล่านี้หายากมาก และมันได้กลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ชิ้นใหม่เกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 4 มิ.ย.

เปาหูบอกว่า เหตุการณ์ผ่านมาเป็นเวลา 30 ปี แล้วแต่ก็ยังคงมีการปกปิดข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องเทียนอันเหมิน "ผมไม่มีอะไรที่จะกล่าวเสริมมากไปกว่านี้ ผมแค่ต้องการเอาข้อมูลออกมาให้เห็น แล้วให้คนอื่นๆ ตัดสินกันเอาเอง" เปาหูกล่าว

จางหลุน (Zhang Lun) หนึ่งในนักศึกษาที่เคยเข้าร่วมการประท้วงปี 2532 กล่าวว่าเขานับถือคนที่ตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องนี้อย่างมาก เอกสารเหล่านี้อาจจะช่วยสืบหาความจริงได้ว่าใคกันแน่ที่เป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบที่แท้จริงกับเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชน เพราะถึงแม้จะมีคำบอกเล่าจากคนในที่ชุมนุมแต่เรื่องราวการเคลื่อนไหวของฝ่ยรัฐบาลในครั้งนั้นยังถูกปิดลับอยู่หลายเรื่อง

ทั้งนี้ นักข่าวการเมืองเกาหยู ระบุทางทวิตเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์เทียนอันเหมินว่า ในช่วงคืนวันที่ 9 มิ.ย. 2532 คณะกรรมการระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือ 'โปลิตบูโร' ประชุมกันในช่วงที่มีการประกาศความภักดีต่อเติ้งเสี่ยวผิง ในเรื่องของการปราบปรามผู้ชุมนุมนั้นพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงพากันตัดสินว่าการชุมนุมมีการ "ยุยงปลุกปั่นจากคนเฉพาะกลุ่มจำนวนไม่กี่คน" และพูดถถึงทฤษฎีสมคบคิด แต่เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจจะเสนอหลักฐานอ้างอิงความเชื่อของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย มีแต่การรายงานต่อกลุ่มผู้นำที่ภักดีต่อเติ้งเสี่ยวผิง

เรื่องนี้ยังมีการกล่าวถึงในหนังสือที่มีการแปลและวิเคราะห์โดยศาตราจารย์ แอนดรูว เจ นาธาน จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้อความในหนังสือส่วนหนึ่งระบุถึง เผิง เฉิน (Peng Zhen) อดีตประธานกรรมการสภาแห่งชาติของจีนที่กล่าวถึงชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 2532 ในเชิงทฤษฎีสมคบคิดแบบไม่มีหลักฐาน โดยที่เผิงเฉินอ้างว่าผู้ชุมนุมเป็น "คนกลุ่มเล็กๆ ที่ดื้อดึงในการส่งเสริมการเปิดเสรีแบบชนชั้นกลาง (bourgeois) ที่มีการร่วมมือกับกำลังต่างชาติที่เป็นปฏิปักษ์เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพวกเรา"

สิ่งที่เผิงเฉินพูดในที่ประชุมกลายเป็นสิ่งที่สื่อรัฐบาลจีนนำมาอ้างถึงเวลาบอกเล่าเรื่องราวกรณีเทียนอันเหมินตลอดช่วงเวลาหลายสิบปีหลังจากนั้น เผิงเฉินอ้างในที่ประชุมดังกล่าวอีกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองระดับพื้นฐานของให้กลายเป็น 'ระบบอำนาจสามฝ่าย' แบบสหรัฐฯ และอ้างว่าพยายามเปลี่ยน 'ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์' ของพวกเขาให้กลายเป็น 'รัฐทุนนิยมเผด็จการที่ถูกทำให้เป็นตะวันตกเต็มรูปแบบ'

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่อ้างว่าจ้าวจื่อหยางและพวกเดียวกับเขาวางแผนแบ่งแยกพรรคเพื่อล้มล้างเติ้งเสี่ยวผิงและ 'ทำให้จีนกลายเป็นประชาธิปไตย' นอกจากนี้ยังมีรองประธานคณะกรรมการกลางให้คำปรึกษาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซ่งเหรินฉยง (Song Renqiong) กล่าวหาว่าสหรัฐฯ และสื่อวอยซ์ออฟอเมริกา 'ยื่นมือเข้ามาก้าวก่าย' และ 'คอยปล่อยข่าวลือยุยงปลุกปั่น' โดยที่ผู้นำพรรคระดับสูงเหล่านี้มีแต่พูดลอยๆ โดยไม่ได้นำเสนอหลักฐานอะไรกับคำพูดของพวกเขาเลย

นาธานระบุว่าผู้นำพรรคระดับสูงที่พูดเรื่องเหล่านี้พอใจแค่เพียงว่าได้รู้สึกว่าเกิด 'ความเสื่อมของอุดมการณ์' ขึ้นในยุคสมัยของหูเย่าปังโดยที่ผู้นำระดับสูงของพรรคโค่นล้มหูเย่าปังเพื่อหวังจะขจัดความคิดเสรีที่เริ่มก่อตัวขึ้น แต่จ้าวจื่อหยางผู้ดำรงตำแหน่งต่อก็ไม่ได้วางแนวทางวินัยตามแบบของพรรค

จนถึงทุกวันนี้ทางการจีนยังคงปิดกั้นไม่ให้มีการรำลึกและพูดคุยกันถึงเรื่องเหตุการณ์ มิ.ย. 2532 โดยมักจะมีการจับกุมตัวหรือคอยส่งตำรวจไปสอดแนมนักกิจกรรมที่ต้องการรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ในจีน มีกลุ่มเหยื่อของเหตุการณ์ที่ชื่อว่า 'มารดาแห่งเทียนอันเหมิน' เขียนถึงสภาประชาชนจีนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินเรื่องราวการชุมนุมของจัตุรัสเทียนอันเหมินจากทางการและเรียกร้องค่าเสียหายให้กับครอบครัวของเหยื่อ โดยที่พวกเขาเรียกร้องเรื่องนี้ต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับใดๆ มีแต่การสั่งห้ามเคลื่อนไหวจากตำรวจเท่านั้น

เรียบเรียงจาก
China's Leaders Blamed U.S. 'Incitement,' Conspiracy Theory For Tiananmen Protests
https://www.rfa.org/english/news/china/tianmen-book-05312019144417.html

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท