Skip to main content
sharethis

'ธนาธร' ย้ำถูกปล้นชัยชนะ เหตุการณ์ดำรงอยู่ของ ส.ว.บิดเบือนการตัดสินใจของพรรคการเมืองต่างๆ-ชวนสังคมร่วมตรวจสอบกรณี 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ จะใช้มาตรฐานเดียวกันตัดสินหรือไม่ พร้อมประกาศแนวทาง 3 ขา การเมืองในสภา สร้างพรรคที่เข้มแข็ง และการเมืองท้องถิ่น

ที่มา : แฟ้มภาพ พรรคอนาคตใหม่ 

8 มิ.ย.2562 ทีมสื่อของพรรคอนาคตใหม่ รายงานว่า วันนี้ ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน “1 ปีอนาคตใหม่ เดินไปด้วยกัน” (Walk with me, Talk with me) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในประเด็นการเมืองหลายประเด็น

โดยในเรื่องที่มีการออกมาตอบโต้จากหลายฝ่าย จากกรณีที่ตนแถลงด้วยคำว่า “ถูกปล้นชัยชนะ” ว่าต่อให้ไม่มี ส.ว. 250 คน พรรคพลังประชารัฐก็ชนะการโหวตจาก ส.ส.อยู่ดีนั้น ธนาธรระบุว่าต้องอย่าลืมว่าการดำรงอยู่ของ ส.ว. มีผลโดยตรงในการบิดเบือนการตัดสินใจของพรรคการเมืองต่างๆ ถ้าย้อนกลับไปดูคำสัมภาษณ์ของ จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดไว้ชัดเจนว่าต้องอยู่กับความเป็นจริง ว่าฝ่ายต่อต้าน คสช.จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจของพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ใช่การตัดสินใจบนพื้นฐานว่าเพราะพรรคพลังประชารัฐมีเสียงมาก แต่เพราะทุกคนรู้ว่ามี 250 ส.ว. อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มี 250 ส.ว. การตัดสินใจของพรรคการเมืองไม่ออกมาในรูปแบบนี้แน่ๆ

ธนาธรยังระบุด้วยว่าตนเชื่อมั่น ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่พอใจกับการได้นายกรัฐมนตรีเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะไม่สอดคล้องกับเสียงของประชาชน 

“อย่าลืมว่าก่อนวันโหวตนายกฯ หลายฝ่ายบอกให้เชื่อใจ ส.ว. เพราะมีเอกสิทธิ์และความคิดเป็นของตัวเอง แต่พอถึงวันโหวต ปรากฎว่า ส.ว.ทั้ง 249 คน เว้นรองประธานรัฐสภา 1 คน ตัดสินใจไปในทางเดียวกันทั้งหมด เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ส.ว.ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการสิบทอดอำนาจของ คสช.” ธนาธรกล่าว

ส่วนกรณีคดีความของ ธนาธร โดยเฉพาะในเรื่องของข้อกล่าวหาการถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดียนั้น ตนอยากให้สังคมได้ร่วมกันตรวจสอบกรณีนักการเมืองจากพรรคอื่นรวมกันถึง 41 คน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้ส่งรายชื่อพร้อมเอกสารหลักฐานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วด้วย เพราะจากหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคไปยื่นไปประกอบกัน คือข้อมูลงบการเงินล่าสุด ที่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ส.ส.เหล่านั้นมีความผิดแน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่ต้องสงสัยว่าจะผิดเหมือนตน ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติออกมาได้ภายใน 7 วันหลัง กกต.ยื่นเรื่องไป ตนจึงขอให้สังคมจับตามองการทำงาน ว่าผลจะออกมาเป็นมาตรฐานเดียวกันหรือไม่

ธนาธรระบุต่อว่าจากนี้ ตนจะใช้เวลาไปในการลงพื้นที่พบปะประชาชน ไปสอบถาม ไปพูดคุยถึงปัญหาความเดือดร้อน จากนั้นจะนำไปให้ ส.ส.ของพรรคในสภานำไปตั้งเป็นกระทู้อภิปรายต่อไป

จากนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไรภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในทุกวันนี้ ธนาธรระบุว่าจะต้องค่อยๆผฃักดันการต่อสู้ไปทีละนิด เป็นขั้นเป็นตอน ผ่านกลไกของรัฐสภาที่มีอยู่ เพราะตนเชื่อมั่นว่าการตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา คือวิถีทางที่สันติที่สุดในการต่อสู้แล้ว

“เรายังเชื่อมั่นในกระบวนการเปลี่ยนผ่านโดยกลไกของรัฐสภา ว่านี่คือวิถีทางที่สามารถเปลี่ยนผ่านได้อย่างสันติที่สุดโดยไม่มีความรุนแรง ถ้าพวกเขาไม่อนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านกระบวนการรัฐสภา นั่นเท่ากับว่าพวกเขาปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงโดยสันติ” ธนาธรกล่าว

3 ขา การเมืองในสภา สร้างพรรคที่เข้มแข็ง และการเมืองท้องถิ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ช่วง ธนาธรขึ้นเวที ประกาศจุดยืนช่วงบ่ายนั้น เขากล่าวว่า หลังจากนี้พรรคอนาคตใหม่จะปรับการทำงานสามส่วน หนึ่ง การทำงานในสภาฯ ซึ่งส่วนตัวยังไม่สามารถทำงานได้ แต่ยังมีสมาชิกอีก 79 คนในสภา  อนาคตใหม่จะเข้าไปรับฟังปัญหาของประชาชน หาทางแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตั้งแต่เรื่องเล็กจนเรื่องใหญ่ เปิดการส่วนร่วมให้ประชาชนร่วมแก้ไขปัญหา ผ่านผลักดันเป็นญัตติ ใช้กลไกคณะกรรมาธิการต่างๆ ของรัฐสภา หรือผลักดันให้ออกเป็นกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญ 60 ระบุหากมี ส.ส. เกิน 20 คนเสนอกฎหมายได้

สอง การสร้างพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งกว่านี้ หนึ่งปีที่ผ่านมาอนาคตใหม่ยังห่างไกลคำว่าสมบูรณ์แบบ โดยจะสรุปบทเรียนจากการที่ตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ผ่านมา สร้างพรรคที่แข็งแกร่งกว่านี้ และตอบสนองสมาชิกพรรค โดย หนึ่ง คนที่ไม่ได้เข้าไปทำงานในสภาฯ (คนหัวเราะ) จะเข้าไปขยายแนวร่วมกลุ่มประเด็นปัญหาต่างๆ แล้วส่งเพื่อนในสภา ผลักดันกฎหมาย สอง ขยายฐานสมาชิก ปัจจุบัน 54,000 คน เรื่องนี้สำคัญเพราะอยากให้เป็นที่รวมของคนที่ฝัน มีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบเดียวกัน ตั้งเป้าสมาชิกกำหนดทิศทางพรรคบางเรื่องทางออนไลน์ภายในสิ้นปีนี้ เพิ่อดึงการมีส่วนร่วมของสมาชิกมากขึ้น สาม ขยายความคิด อุดมการณ์ของพรรคให้มากขึ้น และสี่ ขยายฐานที่มาของเงินทุนของพรรค ที่มามาจากนายทุนไม่กี่คนเมื่อถึงวันต้องตัดสินใจนโยบายเรื่องสำคัญ จะปฏิเสธคำร้องนายทุนพรรคได้ยาก จึงต้องมีอิสระทางการเงิน 

"พรรคนี้ต้องยิ่งใหญ่กว่าธนาธร พรรคนี้ต้องไกลกว่าปิยบุตร แข็งแรงกว่าพรรณิการ์" ธนาธร กล่าว

ธนาธร กล่าวต่อว่า ปลายไตรมาสสาม ต้นไตรมาสสี่ จะมีเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ผ่านมาพรรคต่างๆ มักไม่ส่งในนามพรรคนั้นเอง อนาคตใหม่เชื่อว่าการเมืองท้องถิ่นสำคัญมาก จะส่งผู้สมัครลงแข่งด้วย ยอมรับว่าเรายังไม่เข้มแข็งพอจะส่งลงท้องถิ่นได้ครบ 77 จังหวัด ดังนั้นครั้งนี้ มองว่าอาจจะมีศักยภาพส่ง 10-20 จังหวัด เราอยากพิสูจน์ว่าอำนาจที่อยู่ในท้องถิ่นกับความเป็นอยู่ประชาชนเป็นเรื่องเดียวกัน เราจะทำตรงข้ามกับเผด็จการที่รวบอำนาจสู่ส่วนกลาง จะผลักดันให้อำนาจกลับไปอยู่ที่ท้องถิ่น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net