คดีทวงคืนผืนป่า ศาลชัยภูมิสั่งจำคุกเพิ่มอีก 3 ราย 5 - 8 เดือน ปรับเงินคนละหลายแสน

คดีทวงคืนผืนป่า จากนโยบายคำสั่งหัวหน้าคณะ คสช. ศาลชัยภูมิ สั่งจำคุกหญิงอายุ 74 ปี และหญิงอีก 2 ราย  5 - 8 เดือน พร้อมปรับเงินคนละหลายแสนบาท ด้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน บุกศาลากลาง ขอพบผู้ว่าฯทวงถามแนวทางแก้ไขปัญหาล่าช้า ส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อนแถมนอนคุก พร้อมเสนอให้ย้ายหัวหน้า อช.ไทรทอง

13 มิ.ย. 2562 ศรายุทธ ฤทธิพิณ สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน แจ้งว่า วานนี้ (12 มิ.ย.62) สุณี นาริน สุภาพร สีสุข และปัทมา โกเม็ด ซึ่งตกเป็นจำเลยกรณีอุทยานแห่งชาติไทรทอง ฟ้องคดีชาวบ้านซับหวาย ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เดินทางไปยังศาลชัยภูมิ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามหมายนัด

ประมาณ 09.00 น.จำเลยทั้ง 3 ราย ได้แต่แยกกันไปตามห้องพิจารณาคดี โดย สุณี นาริน อายุ 74 ปี เข้ารับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ห้องพิจารณาคดี 5 ถูกศาลสั่งจำคุก 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 439,027 บาท ส่วน สุภาพร สีสุข (พี่สาวคนโตของ นิตยา ม่วงกลาง) เข้ารับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ห้องพิจารณาคดี 6 โดยศาลมีคำสั่งจำคุก 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 380,000 บาท และปัทมา โกเม็ด เข้ารับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ ห้องพิจารณาคดี 2 ศาลมีคำสั่งจำคุก 8 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 200,000 บาท

สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน ระบุว่ารวมแล้วชาวบ้านทั้งหมด 14 ราย 19 คดี ที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง (อช.ไทรทอง) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องชาวบ้านทั้ง 14 ราย ข้อหาบุกรุกป่า ตามคำสั่งจากนโยบายทวงคืนป่าของหัวหน้าคณะ คสช.ถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุกแล้วรวม 5 ราย โดยรายแรกคือ น.ส.นิตยา ม่วงกลาง ในคดีที่ 1 (15 พ.ค.62)ศาลสั่งจำคุก 4เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 40,000 บาท ส่วนคดีที่ 2 (5 มิ.ย.62)ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 150,000 บาท รวมแล้ว 2 คดี นิตยาถูกคำสั่งศาลจำคุก 12 เดือน ปรับเงินจำนวนรวม 190,000 บาท 

และรายที่สอง คือ สีนวล พาสังข์ อายุ 61 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษา จำคุก 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 150,000 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นิตยา เป็นรายแรกที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น มีคำสั่งจำคุก 4 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท จากคดีข้อหาบุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติไทรทอง

ในวันเดียวกัน ประมาณ 13.00 น. สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานด้วยว่า ชาวบ้านสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) กว่า 80 คน ที่เดินทางมาร่วมเป็นกำลังใจ ได้เดินเท้าจากศาลชัยภูมิ ไปยังศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อขอเข้าพบ ณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เพื่อขอให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิในที่ดินทำกินที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนโยบายทวงคืนผืนป่า เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ทั้งที่ได้มีการตั้งคณะทำงานจังหวัดขึ้นมา โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดประธาน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา

แต่กระบวนการต่อสู้ในสิทธิที่ดินทำกินของชาวบ้าน รวมทั้งการผลักดันแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วม และคณะทำงานจังหวัดได้มีมติเห็นชอบ เพื่อหวังว่าฐานะของแผนดังกล่าว จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้ง และปลดล๊อกปัญหาคดีความได้ แต่การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รัฐ กลับเป็นไปอย่างล่าช้า ส่งผลให้ชาวบ้านไดรับความเดือดร้อน และถูกดำเนินคดี กระทั่งชาวบ้านผู้ตกเป็นจำเลยถูกศาลพิพากษาให้จำคุก

14.00 น. เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ผู้ว่าฯ ติดภารกิจอยู่ต่างหวัด ดังนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ คือ อัยการจังหวัด กระทรวงทรัพยากรจังหวัด และทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิ เข้ามาร่วมประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหากับชาวบ้านผู้เดอดร้อน

สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานผลการประชุม ด้วยว่า ตัวแทนประชาชนผู้เดือดร้อน ได้มีข้อเสนอ 4 ข้อ คือ 

  • 1. ให้ประสานกองทุนยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือคดีในส่วนหลักทรัพย์ประกันตัวผู้ต้องหา ผลการหารือ  ให้ตัวแทนจัดทำเอกสาร โดยจำแนกเป็นรายคดี เพื่อเสนอไปยังยุติธรรมจังหวัด และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมต่อไป
  • 2. ให้เร่งดำเนินงานตามแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมคณะทำงานจังหวัดแล้ว ซึ่งกรณีนี้ ผู้แทนกรมอุทยานฯ ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติตามนัยคำสั่ง คสช. 66/ 2557 โดยฝ่ายประชาชนเสนอให้ดำเนินการได้เลย เพราะผ่านการพิจารณาร่วมกันแล้ว ผลการหารือ ให้มีการประสานงาน และดำเนินการตามแผนข้างต้น
  • 3.ให้ย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรทอง ผลการหารือ จังหวัดอ้างว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ จะประสานไปยังกรมอุทยานฯ ต่อไป
  • และ 4. ให้มีการช่วยเหลือ เยียวยาครอบครัวผู้ถูกคดี ซึ่งมีทั้งป่วย พิการ ผลการหารือ  จังหวัดจะประสานหน่วยงานลงพื้นที่ เพื่อรับฟังข้อมูล และกำหนดมาตรการช่วยเหลือต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท