เตชะ ทับทอง-ไฮโซซินเธีย แจ้งความ ‘ช่อ พรรณิการ์’ หมิ่นเบื้องสูง ปอท. เร่งตรวจสอบเครือข่ายโซเชียลมีเดียของ ‘ช่อ’ ชี้ถึงตั้งค่าส่วนตัวก็ตรวจสอบได้ อัยการปรเมศวร์-วิทยากร-เจิมศักดิ์-ไพศาล พืชมงคล ป้อง ‘ช่อ’ ชี้ อย่านำ 112 มาเล่นงานทางการเมือง เตือนระวังอย่าตกเป็นเหยื่อความเกลียดชัง

เตชะ ทับทอง-ไฮโซซินเธีย แจ้งความ ‘ช่อ พรรณิการ์’ หมิ่นเบื้องสูง

13 มิ.ย. 2562 วันนี้ เมื่อเวลา 11.40 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เตชะ ทับทอง หรือเต้ หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ พร้อม ซินเธีย เอี่ยมสะอาด ไฮโซแกนนำกลุ่มฅนไทยผู้รักชาติ พร้อมผู้สนับสนุนเกือบ 10 ราย เข้าพบ ร.ต.อ.เครือณรงค์ ขมิ้นเครือ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี กับ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) หลังปรากฏภาพสวมครุยในวันรับปริญญาในเฟสบุ๊คกระทำกริยาที่หลายฝ่ายมองว่าไม่บังควร หมิ่นเบื้องสูง และวานนี้ ปอท. เผยว่ายังไม่มีผู้มาแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112 กับพรรณิการ์

โดย ซินเธีย และ เตชะ ปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บอกเพียงว่าต้องการมาเเจ้งความ เพราะทราบข่าวว่ายังไม่เคยมีใครมาร้องทุกข์กับกรณีดังกล่าว และไม่ได้อยากให้เป็นข่าว ก่อนเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนทันที

ปอท. เร่งตรวจสอบเครือข่ายโซเชียลมีเดียของ ‘ช่อ’ ชี้ถึงตั้งค่าส่วนตัวก็ตรวจสอบได้

วานนี้ ที่ บก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวถึงความคืบหน้า กรณี พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผช.ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. สั่งการให้ ศปอส.ตร., บก.ปอท. และตำรวจสันติบาล เร่งตรวจสอบการแชร์ภาพในอดีตของ พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ทั้งเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และช่องทางอื่นๆ ซึ่งทาง บก.ปอท.มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นหลัก ว่า เบื้องต้น ผบก.ปอท.สั่งการให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบประวัติย้อนหลัง และคาดว่า เมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นจะรายงานผลต่อ พล.ต.ท.ปิยะ ทราบโดยเร็ว ยืนยันว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่จะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ โปร่งใสเป็นธรรมและตรวจสอบได้

ส่วนกรณี พรรณิการ์ ตั้งค่าเฟสบุ๊คเป็นส่วนตัวนั้น ไม่กระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจได้เก็บข้อมูลไว้บางส่วนแล้ว

อัยการปรเมศวร์-วิทยากร-เจิมศักดิ์-ไพศาล พืชมงคล ป้อง ‘ช่อ’ ชี้ อย่านำ 112 มาเล่นงานทางการเมือง

ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์รูปใส่ชุดครุยจุฬาลงกรณ์ กระทำกิริยาในลักษณะที่ไม่เหมาะสมต่อพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องถึงความไม่เหมาะสมจากสังคมโซเชียล และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม เมื่อ 9 ปีที่แล้วมีข้อความว่า ตอนเราเด็กเราก็คิดอย่างเด็ก พอเราโตเราคิดอย่างผู้ใหญ่ ทำไมต้องถอยหลังไปเล่นงาน ตอนเขาเป็นเด็กเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เพื่ออะไร?

นอกจากนี้ปรเมศวร์ยังอธิบายต่อว่า เรื่องนี้ตำรวจเขาก็ดำเนินการอยู่ ตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยอยู่แล้ว ลองไปอ่านที่ตนเขียนดูดีๆ เรื่องนี้ตนเพียงให้ความเห็นว่าเป็นการทำเพื่ออะไร เพราะบ้านเมืองเรากำลังเป็นอยู่แบบนี้จะไปนำเรื่องขึ้นมาให้เกิดความแตกแยก ซึ่งเรื่องของสถาบันหรือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน อย่านำมาเล่นกันในทางการเมือง จะดำเนินคดีก็ดำเนินคดีไป ตนแค่มองไปว่าเขาทำตอนที่เขายังเป็นเด็ก กับตอนปัจจุบันนี้ คุณคิดอย่างไรกันก็เท่านั้น ลองอย่าเอาความรู้สึกมาตอบ คนบางคนมีความเห็นโดยเอาแค่ความรู้สึกเท่านั้น ตนไม่ได้เป็นคนที่มีความเห็นโดยเอาแต่ความรู้สึก อย่างบางคนที่ไม่เห็นด้วยในประเด็นที่มองว่า น.ส.พรรณิการ์ ขณะนั้นอายุ 21 ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว ก็มีการวิจารณ์กันมา ตรงนี้ก็เป็นเหตุผลที่ตนรับฟังอยู่ แต่ในส่วนที่มาด่ากันโดยที่ไม่ได้ดูเหตุผลของความเห็นมันไม่สร้างสรรค์ ระบอบประชาธิปไตยคือการมีส่วนร่วม การใช้ความเห็น ซึ่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ให้แสดงความเห็นได้ 

วิทยากร เชียงกูล คณบดีกิตติคุณและอดีตคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค ‘Witayakorn Chiengkul’ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่า กรณีคุณศรีสุวรรณฟ้องคุณช่อสส.พรรคอนาคตใหม่ว่าทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ออกจะมากเกินจริงและไม่เป็นธรรม คุณศรีสุวรรณเคยฟ้องนักการเมืองบางคนในหลายเรื่องที่ดูสมเหตสมผล แต่เรื่องนี้ถูกกระแสลมเอียงขวาพัดพามากไปหน่อยไหมครับ นักกิจกรรมรุ่นผู้ใหญ่ น่าจะใจกว้าง เปิดช่องทางและให้เวลาคนรุ่นใหม่เขาได้ทำงานพิสูจน์ตัวเองบ้าง ในประเทศนี้ก็มีคนสนใจการเมืองเห็นหน้ากันอยู่แค่นี้ การคิดและแบ่งคนเป็นขั้วตรงกันข้าม 2 ขั้วสุดโต่ง คงไม่ใช่วิธีที่จะช่วยให้ประเทศไทยปฏิรูปและไปแข่งขันกับประเทศอื่นเขาได้

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊ค ‘เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง’ วันที่ 10 มิ.ย. โดยระบุถึงกระแสการโจมตีทางการเมืองที่ร้อนแรง และดุเดือด อยู่ ณ.ขณะนี้ ว่า

“ขณะนี้มีการจัดตั้งกลุ่มนักรบไซเบอร์ ออกโจมตีบุคคลที่เห็นแตกต่าง หรือวิจารณ์รัฐบาลด้วยถ้อยคำที่ยั่วยุ ดูถูก ทำให้เกลียดชัง กล่าวหา ทำลายความน่าเชื่อถือของคนแสดงความเห็นที่บริสุทธิ์ใจ มุ่งหวังที่จะลดความน่าเชื่อถือของผู้ให้ความเห็นแตกต่าง ข่มขู่ผู้อ่านผู้ติดตามไม่ให้แสดงความเห็น หวังสยบความคิดความเห็นที่แตกต่าง การกระทำดังกล่าว ต้องระมัดระวัง ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลในระยะยาว เพราะเป็นการผลักมิตรไปเป็นศัตรูกับรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้อ่านข้อคิดความเห็นผม ต้องระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อ ทั้งเห็นตามนักรบไซเบอร์เหล่านี้ หรือเกิดความรู้สึกเกลียดชังเป็นศัตรูกับรัฐบาล ต้องใช้สติ ปัญญา กรองความเห็นเพื่อประโยชน์ของประเทศในระยะยาว ผมจะไม่หยุดการแสดงความเห็น และจะไม่ถูกผลักให้เป็นศัตรูกับรัฐบาล ขณะนี้กำลังพิจารณาดำเนินการกับนักรบไซเบอร์ ที่มีเจตนาและการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์เหล่านี้”

ด้านไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และอดีตสมาชิกวุฒิสภา คืออีกผู้หนึ่ง ที่แสดงความคิดเห็นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับกรณีนี้ โดยโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol แสดงความเห็นระบุว่า

“ออกมาอีกคนแล้ว บอกว่าเป็นนักกลอน ออกมาโพสต์ขับไล่คนเห็นต่างไปอยู่ต่างประเทศ ยิ่งระดมกันออกมาขับไล่คนเห็นต่างมากขึ้นเท่าใด ก็จะมีคนถูกขับไล่ไปอยู่ต่างประเทศมากขึ้นเท่านั้น สักวันหนึ่งก็จะรู้กันว่าระหว่างคนขับไล่คนอื่นกับคนถูกขับไล่ ฝ่ายไหนจะมีคนมากกว่ากัน ผมก็พร่ำเตือนอยู่อย่างนี้แหละครับ แต่ก็น่ายินดีครับว่ามีคนจำนวนมากเริ่มตระหนักถึงอันตรายของการกระทำเยี่ยงนี้ พี่น้องที่ทำงานด้านความมั่นคงของชาติ ต้องหาทางช่วยกันระงับยับยั้งเรื่องนี้ได้แล้ว”

อ้างอิงจาก: ไทยรัฐออนไลน์, วอยซ์ทีวี, สปริงนิวส์, ข่าวสด, ข่าวสด