Skip to main content
sharethis

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องสองในสี่จำเลยชาวพม่าในคดีฆาตกรรม 'น้องแอปเปิ้ล' เมื่อปี 2558 รายละเอียดคำพิพากษายังไม่ออก ทนายความเผย มารู้ทีหลังว่าศาลนัด เพราะไม่มีแจ้งนัดวันพิพากษากับทนายแต่อย่างใด ถือว่าผิดหลักและไม่ถูกต้อง เพราะทนายไม่สามารถรักษาสิทธิลูกความได้ถ้าเบิกตัวมาฟังคำพิพากษาโดยไม่มีทนาย ย้อนดูข้อกังขาฝั่งจำเลยในประเด็นหลักฐานและประเด็นการถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมทรมาน

ศาลจังหวัดระนอง (ที่มา: foursquare.com)

27 มิ.ย. 2562 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง (เมาเซ้นหรือเซกะดอ ที่ 1 ซอเล ที่ 2) ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าอรวี สำเภาทอง (น้องแอปเปิ้ล) กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจังหวัดระนองที่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยออกหมายปล่อยตัวจำเลย (ไม่ได้ออกหมายขังระหว่างฎีกา) ปัจจุบันจำเลยทั้งสองถูกกักตัวอยู่ ณ ตม. จังหวัดระนอง รอส่งกลับตามกระบวนการต่อไป รายละเอียดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อยู่ระหว่างขอคัดสำเนาจากศาล

ทางทนายความคณะทำงานของสภาทนายความแสดงความขอบคุณศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่ประทานความยุติธรรมให้กับจำเลยสองคนของศาล จ.ระนอง ด้านรัษฎา มนูรัษฎา ทนายของจำเลยให้ข้อมูลว่า ในคดีดังกล่าวที่มีจำเลยสี่คนนั้น มีสองคนเป็นเยาวชน คดีจึงไปขึ้นที่ศาลเยาวชน คำตัดสินวันนี้เป็นของจำเลยสองคนที่อายุมากกว่า 18 ปี 

รัษฎายังกล่าวว่า ที่จริงแล้วศาลไม่ควรมีคำพิพากษาลงโทษตั้งแต่ศาลชั้นต้นเพราะด้วยข้อเท็จจริงและกฎหมายในแง่พยานและหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่มีความเชื่อมโยงกับจำเลยทั้งสี่ มีหลายประเด็นที่ไม่ชัดเจน ในส่วนประเด็นที่จำเลยยกเรื่องการถูกซ้อมและบังคับให้สารภาพนั้น ตำรวจจะต้องตรวจสอบกันเองด้วย

ทนายจำเลยเล่าว่า ได้รับทราบในวันนี้ (27 มิ.ย.) ว่ามีการพิพากษาเมื่อวานซึ่งถือว่าผิดหลัก เพราะศาลไม่ได้แจ้งทนายให้ทราบเรื่องการนัด โดยหลักแล้วศาลต้องแจ้งทนายล่วงหน้าเพื่อที่ทนายความจะได้รักษาสิทธิของลูกความซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง ศาลควรจะต้องมีหมายนัดแจ้งให้ทนายความจำเลยไปฟังคำพิพากษา ในกรณีนี้ แม้แต่การโทรแจ้งมายังทนายก็ไม่มี แปลว่าการนัดฟังคำพิพากษาเมื่อวานเป็นการเบิกตัวมาฟังคำพิพากษาโดยไม่มีทนายความ สมมติถ้าศาลตัดสินออกมาไม่เป็นผลดีต่อจำเลยแล้วทนายความจะทำอย่างไร เหตุเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในคดีผู้ต้องหาชาวพม่าที่เกาะเต่าก็มีการเบิกตัวจำเลยไปฟังคำพิพากษาโดยไม่แจ้งให้ทนายทราบ 

สำหรับที่มาของคดีที่พิพากษาเมื่อวานนี้นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 28 ก.ย. 2558 เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมอรวี สำเภาทอง นักเรียน ม.6 อายุ 17 ปี สภาพศพถูกแทงด้วยของมีคมกว่า 17 แผล บริเวณซอยทางเข้าสำนักสงฆ์สะพานปลา ต.บางริ้น ตำรวจพุ่งเป้าไปที่คนงานพม่าที่อาศัยอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ และพบผู้ต้องสงสัยจำนวนสี่คน ประกอบด้วย โมซินอ่าว จอโซวิน เมาเซ้น และซอเล 

หลังการนำตัวมาสอบสวน ซอเลและโมซินอ่าวสารภาพว่าเป็นคนฆ่าอรวี ทั้งนี้ ในศาลชั้นต้น ทนายจำเลยมีประเด็นติดใจหลายประเด็น ไม่ว่าจะเรื่องที่ตรวจไม่พบ DNA ของจำเลยในเล็บผู้ตายและไม้ไผ่ที่อ้างว่าจำเลยใช้ตี ขนาดของบาดแผลที่ไม่ตรงกับขนาดของมีด รวมถึงเรื่องที่มีพยานพบเห็นจำเลยคนหนึ่งที่แพในช่วงเวลาที่เกิดเหตุที่ศาลไม่ได้หยิบมาพิจารณา

คดีนี้จำเลยให้ข้อมูลแก่ทนายความและองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือว่าถูกซ้อมทรมาน ทำร้ายร่างกายเพื่อให้รับสารภาพ ปรากฎร่องรอยการถูกทำร้ายให้เห็นตามร่างกาย ซึ่งถูกบันทึกไว้ในเอกสารของแพทย์ที่ทำหน้าที่ตรวจร่างกายโดยละเอียด

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก: ไทยรัฐ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net