4 คนร้ายรุมตีจ่านิวด้วยไม้เบสบอล แพทย์เตรียมสแกนสมองหลังพบตอบสนองช้า

ภาพจาก มติชนออนไลน์

28 มิ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.30 น. สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักกิจกรรมการทางการเมืองกลุ่ม Start up people ถูกคนร้าย 4 คน สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า ขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียน 2 คัน จอดอยู่บริเวณปากซอยพระยาสุเรทนร์ 2 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา เมื่อพบว่า สิรวิชญ์ กำลังเดินอยู่บริเวณซอยดังกล่าวจึง เข้าไปรุมทำร้ายโดยใช้ไม้เบสบอลตีที่หัวจนบาดเจ็บหัวแตก และตาบวมช้ำ โดยขณะที่เกิดเหตุ สิรวิชญ์ ได้พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนบริเวณนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป จากนั้นวินมอเตอร์ไซด์จึงประสานงานกับกู้ภัยให้เร่งนำตัว สิรวิชญ์ ไปรักษาตัวที่โรงบาลพยาบาลนวมินทร์ 1

เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการรุมทำร้ายร่างกายทางตรงเป็นครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่  2 มิ.ย. 2562 เขาถูกคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า ใช้ไม้เป็นอาวุธเข้าทำร้ายร่างกายจนมีบาดแผลบริเวณศีรษะและบริเวณริมฝีปาก หลังจัดกิจกรรมเรียกร้องให้ ส.ว. งดออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ขณะที่ครั้งนี้เขาถูกทำร้ายร่างกายก่อนหน้าวันจัดกิจกรรม “มหกรรมดนตรี ฝ่ายประชาธิปไตย” เพียงหนึ่งวัน ซึ่งมีกำหนดการจัดงานที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม 4 แยกคอกวัว และถือเป็นกิจกรรมสุดท้ายที่เขาจะทำ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ ที่ประเทศอินเดีย

เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งความคืบหน้าของ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว โดย พัฒน์นรี ชาญกิจ หรือ “แม่จ่านิว” แจ้งว่า บอกว่าแสกนสมองแล้ว ไม่พบว่ามีเลือดออก

แม่นิว ย้ำว่านิวมีสติ แต่ไม่ตอบสนอง ตอนนี้ให้ออกซิเจน และต้อง แอดมิท

สำหรับอาการภายนอกเบ้าตาแตก มีเลือดออกในลูกตา ดั้งจมูกหัก

สำหรับ สิรวิชญ์ เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกมหาวิทยาลัยหลังจากเกิดการรัฐประหาร 2557 และเคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องทั้งจัดการชุมนุมต่อต้าน คสช. ทั้งการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เช่น ชูสามนิ้ว และกินแซนวิชต้านรัฐประหาร รวมทั้งจัดคอนเสิร์ต และงานเสวนาทางวิชาการอีกหลายครั้ง

สิรวิชญ์ เคยถูกเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบ จำนวน 8 นาย อุ้มขึ้นรถไปขณะเดินกลับเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศตร์ ศูนย์รังสิต บริเวณประตูเชียงราก ในคืนวันที่ 20 ม.ค. 2559 โดยในช่วงเวลานั้นเขากำลังทำกิจกรรม "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" นอกจากนี้เขายังถูกดำเนินคดีทางการเมืองจากการทำกิจกรรมต่อต้าน คสช. อีกหลายคดี

นอกจากนี้ พัฒน์นรี ชาญกิจ หรือแม่หนึ่ง แม่ของสิรวิชญ์ ยังถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากมีผู้ส่งข้อความในลักษณะอาจจะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วพัฒน์นรี ตอบกลับบุคคลดังกล่าวสั้นๆ ว่า “จ้า” และเธอถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 2 วันก่อนศาลทหารจะให้ประกันออกมาสู้คดี โดยใช้หลักทรัพย์ 5 แสนบาท โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2559 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ สิรวิชญ์ กำลังเคลื่อนไหวทางการเมืองในนประเด็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนี้คดีความยังไม่สิ้นสุดยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมบนศาลทหารซึ่งผ่านมา 3 ปีแล้วเพิ่งสืบพยานโจทย์ได้เพียง 4 ปากเท่านั้น ต่อมา เธอยังถูกกล่าวหาดำเนินคดีจากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอีก 2 คดี ได้แก่ คดีการชุมนุมที่สกายวอล์กบริเวณห้างมาบุญครอง หรือ MBK39 และคดีการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน หรือคดี RDN50 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่ได้เป็นเข้าร่วมการชุมนุมเพียงแต่ไปตามดูลูกชายเนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

สิรวิชญ์เคยให้สัมภาษณ์กับประชาไทเมื่อปี 2560 เมื่อถามว่าหากชวนมาเป็นคอลัมนิสต์เขาอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับอะไร เขาตอบบอกว่า อยากเขียนเรื่องประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง และบทเรียนการต่อสู้ทางความคิดในต่างประเทศ เขาอยากชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่โดดเดี่ยว ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาเฉพาะประเทศไทย แต่ทุกสังคมก็เคยเผชิญปัญหาแบบนี้และก็สามารถแก้ไขคลี่คลายให้ผ่านไปได้ โดยเขาอยากชี้ให้สังคมไทยเห็นตรงนี้ “ผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อย กลัวว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ตก ไม่รู้ว่าเราจะหลุดออกจากปัญหานี้อย่างไร นึกว่าเป็นปัญหาเฉพาะ จริงๆ แล้วไม่ใช่ ทุกสังคมเคยผ่านปัญหานี้เช่นเดียวกัน”

ด้วยความที่ตัวเขาเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ โดยตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม วันไหนที่ว่างเขาก็จะนั่งรถเมล์ไปหอสมุดแห่งชาติ เพื่อไปนั่งอ่านหนังสือ อีกเรื่องที่เขาอยากเขียนคือเรื่องปฏิรูปศึกษา โดยเขาอยากนำเสนอประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาการศึกษาของต่างประเทศ ทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ว่าประเทศเหล่านี้บางประเทศเคยประสบความล้มเหลวทางการศึกษา แต่พวกเขามีวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร และอีกประเด็นที่เขาอยากเขียนบทความก็คือ การสอนภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยที่ล้มเหลว ซึ่งตัวเขาเองก็เคยประสบปัญหานี้ จึงอยากถ่ายทอดประเด็นความไม่ถูกที่ถูกทางของการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท