Skip to main content
sharethis

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2562 ว่า พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว จนบาดเจ็บสาหัส โดยขณะนี้ยังคงพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า ในวันนี้เป็นการประชุมภาพรวม จากที่สภาได้มีการเสนอให้ตำรวจมาดูความปลอดภัยของกลุ่มผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละพื้นที่เข้าไปดูแลความเรียบร้อย ในส่วนของนายสิรวิชญ์นั้น เบื้องต้นยังไม่มีการร้องขอให้คุ้มครองเป็นการส่วนตัว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ดูแลความปลอดภัยอยู่ในโรงพยาบาลที่ นายสิรวิชญ์เข้ารักษาตัว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใคร มีเพียงการสเก็ตภาพรูปพรรณสัณฐานผู้ก่อเหตุเท่านั้น 

รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ที่เคยเกิดเหตุนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกทำร้าย นำคดีเก่าๆ มาตรวจสอบเพื่อหาพฤติกรรมและลักษณะความคล้ายคลึง โดยสำหรับนายสิรวิชญ์ ที่ถูกทำร้ายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มองว่าเกิดจากการเมืองฝั่งตรงข้ามเท่านั้น เพราะจากเหตุการณ์เก่า ในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสามารถจับกุมได้พบว่าเป็นกลุ่มการเมืองฝั่งเดียวกันที่ทำร้ายกันจึงไม่ตัดกลุ่มใดทิ้ง

เตรียมออกหมายเรียกคนโพสต์อ้างว่ามีตำรวจระดับสูงช่วยเหลือผู้ก่อเหตุทำร้าย 'จ่านิว'

ด้าน ThaiPBS รายงานวันนี้ (6 ก.ค.) ว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีมีผู้โพสต์ในสื่อออนไลน์ที่อ้างว่ามีตำรวจระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ก่อเหตุคดีทำร้ายร่ายกายนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ นิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ประกอบกับมีการนำชื่อ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงข้อความเผยแพร่ในลักษณะสร้างความเสียหายต่อบุคคลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความสับสน ตื่นตระหนกในสังคม อย่างกว้างขวาง

โดยระบุว่า ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หลังจาก พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผู้เผยแพร่ต่อและมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกให้มาพบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป อีกทั้งจะสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุน สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดมาดำเนินคดีด้วยส่วนหนึ่ง

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า คดีนี้คืบหน้าไปมาก เบื้องต้นพิสูจน์ทราบถึงตัวบุคคลที่กระทำผิดแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนได้หาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลถึงเครือข่าย ผู้สนับสนุนและที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดคดีนี้ พร้อมออกติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พร้อมเตือนผู้ที่จะเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีเจตนาทุจริต เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือโซเชียลมีเดียและอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรือเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ในทางที่มิชอบหรือด้วยความคึกคะนอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ โดยมีโทษทั้งจำคุกและปรับ ทั้งนี้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ที่สายด่วนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 1155

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net