Skip to main content
sharethis

พรรคอนาคตใหม่ ชวนประชาชนจับตาโครงการเมกะโปรเจครอยต่อ คสช.และรัฐบาลชุดใหม่ หวั่นเอื้อประโยชน์ให้สัมปทานกลุ่มทุน

7 ก.ค. 2562 สำนักข่าวไทย รายงานว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ร่วมแถลงข่าวขอให้ประชาชนจับตาโครงการต่างๆ ของ คสช. ที่อาจจะมีการทิ้งทวน โดยเร่งรัดประมูลหรือให้สัมปทานระหว่างรอยต่อที่จะมีการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาล คสช.เป็นรัฐบาลชุดใหม่  

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่าเพื่อไม่ให้เกิดการดำเนินงานที่เสียผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจค 3 โครงการ คือ โครงการสัมปทานทางด่วน ที่กำลังจะหมดอายุสัมปทานในต้นปีหน้า (2563) และมีความพยายามจะขยายอายุสัมปทานต่อไปอีก 30 ปีโดยมิชอบ หรือที่เรียกว่าค่าโง่ทางด่วน ซึ่งเรื่องนี้สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุญัตติขอตั้งกรรมาธิการศึกษาและตรวจสอบไว้ในวาระการประชุมของสภาวันที่ 10 ก.ค. 2562 นี้แล้ว ขณะเดียวกันการทางพิเศษควรพิจารณาจ่ายค่าโง่ทางด่วนตามคำสั่งศาลปกครองเพื่อไม่ให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นขอขยายอายุสัมปทานต่อ

นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างสนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งเป็นการประมูลแบบไม่ปกติ เพราะกลุ่มทุนต้องการพัฒนาที่ดินโดยรอบหรือไม่ และใช้โครงการรถไฟความเร็วสูงมาเป็นเครื่องมือ ดังนั้นควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อตรวจสอบอำนาจพิเศษในรูปแบบการประมูลโครงการนี้ว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนหรือไม่ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-นครราชสีมา แม้จะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญ แต่ขณะนี้ก็มีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราชแล้ว ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อน และไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนหากประชาชนใช้บริการน้อยอาจทำให้รัฐต้องจ่ายเงินอุดหนุนทุกปีเกิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

“พรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่าไม่ได้ขัดขวางโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจคของรัฐบาล แต่อยากให้คำนึงถึงความจำเป็น ไม่ซ้ำซ้อน และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนมากที่สุดเพราะการใช้จ่ายงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ”นายสุรเชษฐ์ กล่าว

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนร่วมกันจับตาโครงการต่างๆ ของรัฐบาล คสช. ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงรอยต่อของรัฐบาล เช่น โครงการท่อร้อยสายที่เป็นอำนาจของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการให้สัมปทานสองต่อ โดยให้บริษัทกรุงเทพธนาคมซึ่งไม่มีความสามารถในการดำเนินการ จึงไปเปิดประมูลอีกทอดให้บริษัท ทรู คอปอร์เรชั่น ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับการใช้ประโยชน์ในโครงการดังกล่าว จึงอยากเรียกร้องว่าหากโครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทจริง ควรต้องเข้าพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุน และเปิดเผยทีโออาร์ต่อสาธารณะ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการยืดหนี้ กสทช. ให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมที่จะได้ประโยชน์ 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้ประโยชน์ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยขอเรียกร้องให้เปิดประมูลคลื่นความถี่ 5G ไม่ใช่ทำการแจกแบบที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในเรื่องโครงการดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบิน แม้จะประมูลเสร็จสิ้นไปแล้วแต่ยังมีการประมูลจุดรับส่งสินค้า หรือ Pick Up Counter ซึ่งผู้ที่ควรได้สัมปทานในส่วนนี้ไม่ควรเป็นคนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพรรคได้เห็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ใช้เม็ดเงินไม่คุ้มค่า แต่ไม่สามารถเรียกร้องให้ประชาชนออกมากดดันรัฐบาลได้ ดังนั้นจึงขอวิงวอนให้ทุกคนร่วมจับตาและกดดันส่งเสียงไปยังรัฐบาล เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net