Skip to main content
sharethis

จนท.ป่าไม้-ความมั่นคงสนธิกำลัง 200 นายตรวจสอบรีสอร์ทที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ วัดแนวเขตว่าบุกรุกขยายพื้นที่มากกว่าที่ได้รับอนุญาตตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 หรือไม่ ด้านประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรระบุเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจพื้นที่และผู้ประกอบกิจการ แต่ยืนยันชาวบ้านไม่บุกรุกที่ดิน พร้อมเรียกร้องรัฐหากจะจัดระเบียบโฮมสเตย์ต้องให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม

แฟ้มภาพกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่มและเครือข่าย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ขอความเป็นธรรมกรณีรื้อถอนและดำเนินคดีที่พักโฮมสเตย์บนม่อนแจ่ม เมื่อ 5 ก.ค. 62 (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

8 ก.ค. 2562 วันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ร่วมกับ ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.แม่ริม กว่า 200 นาย เข้าตรวจสอบที่รีสอร์ทม่อนอิงดาว บนดอยม่อนแจ่ม ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังจากได้รับรายงานว่าที่รีสอร์ทแห่งนี้มีการบุกรุกขยายพื้นที่การใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541

โดยชาวบ้าน 3 หมู่บ้านได้แก่ บ้านหนองหอยเก่า บ้านหนองหอยใหม่ และบ้านแม่ขิ ซึ่งประกอบกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ นับร้อยคนออกมาสังเกตการณ์ขณะตรวจสอบ โดยชาวบ้านยืนยันว่ารวมตัวกันเพื่อมาขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่เนื่องจากที่ผ่านมาประกอบอาชีพโดยสุจริต

วิสาหกิจม่อนแจ่มร้องยุติแผนรื้อถอน-ดำเนินคดี จัดระเบียบโฮมสเตย์ชุมชนต้องมีส่วนร่วม, 5 ก.ค. 62

จากการตรวจสอบรีสอร์ทม่อนอิงดาว ซึ่งอยู่บนเนินเขา พบมีห้องพักทั้งหมด 22 หลัง รวมทั้งมีลานกางเต็นท์ รองรับได้ประมาณ 30 หลัง โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือวัดพิกัดดาวเทียม ตรวจสอบแนวเขต เพื่อนำไปเทียบภาพดาวเทียม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังแบ่งกำลัง 4 ชุด เข้าตรวจสอบรีสอร์ทในบริเวณเดียวกันอีก 42 แห่ง ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน การเข้าตรวจสอบในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกของมาตรการจัดระเบียบพื้นที่การท่องเที่ยวบนดอยม่อนแจ่ม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เข้าจัดระเบียบการใช้พื้นที่โครงการหลวงดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

ด้านวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ในฐานะตัวแทนชุมชนเกี่ยวกับเรื่อง ซึ่งวิชิตเล่าว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่บอกแค่ว่าสำรวจว่ามีการทำกิจการกี่ราย ทำอะไรบ้าง อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดหรือไม่ มีคนข้างนอกมาทำด้วยหรือไม่ เป็นการจัดระเบียบโฮมสเตย์ แต่ไม่ได้มีมีการชี้แจงมากกว่านั้น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หวาดระแวงและมีความกังวล และในความเห็นของเขาหากเป็นการจัดระเบียบโฮมสเตย์ก็อยากให้ชาวชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย

เมื่อถามถึงกรณีข่าวว่าจะมีการรื้อถอนโฮมสเตย์ม่อนแจ่ม เนื่องจากสาเหตุว่ามีการขยายพื้นที่และบุกรุกพื้นที่นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งหวั่นว่าจะมีการขายเปลี่ยนมือให้นายทุน วิชิตกล่าวว่า เฉพาะสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่มยืนยันได้ว่าเราไม่มีการบุกรุก ไม่มีนอมินี ไม่มีนายทุน แต่นอกพื้นที่เราไม่รับประกัน 

วิชิตยังกล่าวว่าทางกลุ่มตนอยากขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ 2 ประการ คือ ขอให้รัฐดำเนินการตามมติ ครม. 30 มิถุนายน 2541 ให้เสร็จสิ้นโดยทันที และมีหนังสือรับรองขึ้นทะเบียนการครอบครองชัดเจนให้ชาวบ้านรับทราบโดยทั่วไป และให้ดำเนินการรับรองบ้านพักโฮมสเตย์ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2562 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2562 เพื่อให้ชาวบ้านคลายความกังวลต่อข่าวที่จะมีการรื้อถอนโฮมสเตย์

อนึ่งในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่มระบุว่า ชุมชนอยู่ตามมติ ครม. 30 มิถุนายน 2541 โดยถือครองที่ดินเฉลี่ยครอบครัวละ 4.2 ไร่ ซึ่งผ่านมา 20 ปี ปัจจุบันถือครองที่ดินเฉลี่ยครอบครัวละ 3.5 งาน ที่ดินปลูกผักซ้ำๆ หลายปีทำให้เสื่อมคุณภาพ ต้องใช้สารเคมีเพิ่มและมีผลกระทบจากผักเมืองหนาวที่เข้ามาจากจีนมีคุณภาพดีกว่า ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่พอกับการเลี้ยงชีพ จึงเปลี่ยนการประกอบอาชีพเป็นการทำโฮมสเตย์ เพื่อหารายได้เสริมเข้าครอบครัว และเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2562 เรื่อง มาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net