สุรพศ ทวีศักดิ์: ในสังคมที่จ่านิวไม่ใช่คนสุดท้าย

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ที่มาภาพ https://freedom.ilaw.or.th/en/node/333

กรณีทำร้าย “จ่านิว” หรือสิรวิชญ์ เสรีธิวัตน์ นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยสองครั้งติดต่อกัน ครั้งล่าสุดบาดเจ็บสาหัส คำพูดหนึ่งที่เราอยากให้เป็นคือ “ขอให้จ่านิวเป็นคนสุดท้าย” แต่ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ เลยที่จะทำให้เราเชื่อหรือมีความหวังได้ว่าจ่านิวจะเป็นคนสุดท้ายจริงๆ

ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเอกชัย หงส์กังวานและเพื่อนๆ หรือการอุ้มฆ่าสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์และพวก คือเหตุการณ์ต่อเนื่องที่รัฐไทยไม่เคยจับคนผิดมาลงโทษได้เลย 

หากฟังจากปากของวัฒน์ วรรลยางกูร ผู้ลี้ภัยที่รอดชีวิตจากลาวที่หนีไปเป็นผู้ลี้ภัยการเมืองที่ปารีสที่ว่า “ช่วงก่อนสุรชัยและพวกถูกอุ้มฆ่า บางครั้งมีเจ้าหน้าที่จากไทยเข้ามาเป็นร้อยๆ ในตำบลหมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่” (ดู https://www.youtube.com/watch?v=Wt2ymsx-cwA) เขามองว่าสถานการณ์ทำร้ายนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่เกิดซ้ำๆ เวลานี้ คล้ายกับช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ขณะที่มีสื่อมวลชนและชนชั้นกลางส่วนน้อยที่ “เสียงดังกว่า” แสดงความเห็นทำนองสนับสนุนการกระทำเช่นนั้นเพื่อให้สังคมชิน เสมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ตามท้าทายอำนาจเผด็จการก็ต้องโดนแบบนั้นอยู่แล้ว 

กรณีจ่านิวเห็นได้ชัดว่าสื่อมวลชนฝ่ายเดิมๆ ที่สนับสนุนเผด็จการต่างร่วมสังฆกรรม “ตีหัวซ้ำ” ไม่ว่าจะขุดคุ้ยเรื่องฐานะ “คนจนระดับบน” เคยย้ายบ้านหนีเจ้าหนี้ เพื่อนำมาเชื่อมโยงว่านั่นคือสาเหตุที่อาจตั้งคำถามได้ว่าจ่านิวรับเงินใครมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ กระทั่งสร้างสถานการณ์ทำร้ายตัวเองเพื่อหาเงินไปเรียนต่อที่อินเดียหรือไม่ หรือว่าเจ้าหนี้ส่งคนมาตีหัว ฯลฯ

ที่น่าอนาถใจคือ เมื่อจ่านิวออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้านเพื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับยื่นเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยว่า “ต้องหยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง” มันจึงไม่มีสัญญาณอะไรเลยที่ทำให้เรามีความหวังได้ว่าจ่านิวจะเป็นคนสุดท้าย

เราพูดคำว่า “ขอให้เป็นคนสุดท้าย” ครั้งที่เท่าไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณี “น้องเฌอ” และ “น้องเกด” กับอีกร่วมร้อยศพในฝ่ายคนเสื้อแดง และอีกหลายศพจากฝ่าย พธม., กปปส. ที่สังเวยความขัดแย้งทางการเมือง ย้อนไปถึงเหตุการณ์พฤษภา 35, 6 ตุลา, 14 ตุลา ทุกครั้งก็ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายและคนสุดท้าย แต่ก็ไม่เคยมีครั้งสุดท้ายและคนสุดท้ายได้จริง

การไม่เคยมีครั้งสุดท้ายและคนสุดท้ายที่ถูกทำร้ายและถูกฆ่าเพราะการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย ดำเนินมาควบคู่กับการไม่เคยมีคนแรกที่ทำร้ายและฆ่าหรือบงการถูกจับได้และถูกลงโทษตามกฎหมาย เมื่อความจริงเป็นมาเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง จึงไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าประวัติศาสตร์อัปยศแห่งการทำร้ายและการฆ่าประชาชนที่สู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องจะสิ้นสุดลง

อีกเรื่องหนึ่งที่เรารณรงค์กันคือให้ทุกฝ่าย “เคารพความเห็นต่าง” ราวกับว่าสังคมเรามี “เสรีภาพแสดงความเห็นต่าง” อยู่แล้ว แท้จริงแล้วเราไม่เคยมีเสรีภาพแสดงความเห็นต่างอย่างแท้จริง หลักฐานชัดแจ้งก็คือฝ่ายเห็นต่างถูกคุกคาม ถูกดำเนินคดี ติดคุก ถูกฆ่า หนีไปลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศ เป็นเช่นนี้มากว่า 80 ปีแล้ว ตั้งแต่หลัง 2475 ช่วงแรกๆ จวบจนปัจจุบัน

ดังนั้น ปัญหาจึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องไม่เคารพความเห็นต่าง แต่เป็นเรื่อง “ห้ามเห็นต่าง” หรือไม่มีเสรีภาพที่จะเห็นต่างได้อย่างแท้จริง จึงทำให้ประชาชนที่ลุกขึ้นสู้เพื่อที่จะมีเสรีภาพให้แสดงความเห็นต่างกันได้อย่างแท้จริงต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายดังที่เป็นมายาวนาน

ที่ตลกร้ายคือ เมื่อใครที่ออกมาสนับสนุนเผด็จการแล้วถูกวิจารณ์หรือด่า พวกเขามักจะบอกว่า “ทำไมฝ่ายประชาธิปไตยไม่เคารพความเห็นต่าง” คือคุณสนับสนุนระบบอำนาจที่ไม่ยอมให้มีเสรีภาพให้แสดงความเห็นต่างได้จริง พร้อมๆ กับเรียกร้องให้เคารพความเห็นต่าง ไม่มีวิธีคิดแบบใดที่จะ “หลอน” เกินกว่าวิธีคิดแบบนี้ของชนชั้นกลางไทยในศตวรรษที่ 21 อีกแล้ว

เรื่องราวของจ่านิวจึงสะท้อนวิถีคิดของชนชั้นกลางส่วนน้อยที่ “เสียงดังกว่า” ในสังคมนี้ ผ่านรัฐประหารมาสองครั้ง โดยกลุ่มอำนาจเดิมๆ ในเวลากว่าสิบปี อยู่ใต้อำนาจ คสช.มาห้าปี และจะอยู่ต่อภายใต้อำนาจต่อเนื่องจาก คสช.อีกกี่ปีไม่รู้ ตามยุทธศาสตร์ชาติและเงื่อนไขอื่นๆ สื่อมวชชนฝ่ายที่เคยเชียเผด็จการ และมองฝ่ายต่อต้านเผด็จการ “ไม่ใช่คนเท่ากัน” พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนวิธีคิด ไม่เคยหยุดการสนับสนุนอำนาจละเมิดสิทธิทางการเมืองของตัวเองและประชาชนทุกคน และไม่เคยหยุดเหยียบย่ำ กระทืบซ้ำฝ่ายที่ถูกเผด็จการละเมิดสิทธิเสรีภาพ

คำถามคือ เราจะอยู่กันอย่างไรในสังคมที่ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจ่านิวจะเป็นคนสุดท้าย ผมไม่รู้ รู้เพียงว่าประวัติศาสตร์การทำร้ายและฆ่าประชาชนที่สู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยต่อเนื่องจะสิ้นสุดลงได้ ก็ต่อเมื่อสังคมเรามีเสรีภาพและประชาธิปไตยได้จริง จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ผมยังมองไม่เห็นทางเป็นไปได้ในระยะใกล้ 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท