Skip to main content
sharethis

19 พรรคร่วมตกลงนโยบายลงตัวแล้ว ยันค่าแรง 400 ได้เห็นภายในรัฐบาลนี้ พร้อมหยิบนโยบายที่ดีของฝ่ายค้านมาสังเคราะห์เพื่อปฏิบัติ แต่เรื่องแก้ รธน. ต้องรอคุยต่อไป ด้านอนุทินย้ำกัญชาต้องเป็นของประชาชน ถ้าทำไมได้ภูมิใจไทยควรสูญพันธุ์ ขณะที่วิษณุระบุยังไม่ชัวร์ 24-25 ก.ค. ได้แถลงนโยบาลหรือไม่ เพราะตอนนี้ ครม. ยังรอเข้าถวายสัตย์ฯ เผยไม่กังวลหากฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแถลงนโยบายรัฐบาล

ภาพจากเฟสบุ๊คพรรคพลังประชารัฐ

12 ก.ค. 2562 สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังหารือกับ 19 พรรคร่วมรัฐบาล ว่า ที่ประชุมได้หารือนโยบายในรอบที่ 2 ซึ่งแต่ละพรรคได้เสนอนโยบายตามที่พรรคนั้นๆ ต้องการที่จะขับเคลื่อน เข้ามาสู่นโยบายรัฐบาล และวันนี้ได้ข้อยุติแล้ว ถือว่านโยบายครอบคลุมทุกด้าน ขั้นตอนต่อไป มีเพียงบางประเด็นที่จะดำเนินการ คาดว่า วันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) จะเสร็จ และเสนอนายกรัฐมนตรีได้

สนธิรัตน์ กล่าวว่า นโยบายจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย นโยบายปีแรกของรัฐบาลมีหลายมิติ เช่น ปัญหาปากท้อง การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยการทำงานของรัฐบาล ส่วนนโยบาย 4 ปี ต้องตอบสนองความยั่งยืนของประเทศในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สำหรับนโยบายด้านการเกษตร ทุกพรรคมีเป้าหมายตรงกัน คือ การยกระดับสินค้าทางการเกษตรให้กับเกษตรกร สามารถอยู่รอดและเติบโตได้

“เมื่อออกมาเป็นนโยบายของรัฐบาลแล้ว ทุกพรรคต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ ไม่ใช่เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคใดพรรคหนึ่งเพียงเท่านั้น” สนธิรัตน์ กล่าว

แก้ไขรัฐธรรมนูญรอคุยต่อ ยันค่าแรง 400 เห็นภายในรัฐบาลนี้

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สนธิรัตน์ กล่าวว่า มีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องหารือกันอีกเล็กน้อย ก็น่าจะจบ อยู่ระหว่างคุยกัน ไม่มีเงื่อนไขอะไร เมื่อถามว่า ประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่มีการผิดสัญญากับพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ สนธิรัตน์ ย้ำว่า ก็เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการหารือติดในบางประเด็น ขอให้รออีกนิด คาดว่าจะเสร็จในเร็วๆ นี้

สนธิรัตน์ ยอมรับว่า มีการหยิบยกนโยบายของฝ่ายค้านที่เป็นประโยชน์กว่า 10 เรื่องมาหารือ มีทีมงานคอยสังเคราะห์ และจะเห็นเป็นรูปร่าง หลังร่างสมบูรณ์เสร็จสิ้น และทุกประเด็นสามารถชี้แจงได้ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่ได้สังเคราะห์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ขอให้เปิดกว้างในการเปิดรับนโยบาย

เมื่อถามว่า ต้องถามฝ่ายค้านในรายละเอียดของการปฎิบัติหรือไม่ สนธิรัตน์ กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็ดี เพราะเราเป็นรัฐบาลหากสามารถนำความคิดของทุกฝ่ายในสังคมมาใช้ประโยชน์ได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดี และยินดีหากมีโอกาสได้พูดคุย รัฐบาลก็พร้อม 

ต่อข้อถามถึงกรอบงบประมาณ สนธิรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่า พิจารณาให้ครอบคลุมภายใต้กรอบงบประมาณที่พึงมี แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะต้องมองทั้งในระยะสั้น และระยะยาว และพิจารณาภาระงบประมาณประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะได้เห็นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ในรัฐบาลชุดนี้

ส่วนการแถลงนโยบายจะอยู่ใน 3 วันหรือไม่ สนธิรัตน์ กล่าวว่า ต้องหารือกับวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านอีกครั้ง แต่ต้องมีเวลาพอสมควร ที่จะให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็น ไม่กังวลว่า ในเวทีการแถลงนโยบาย จะเป็นเวทีให้ฝ่ายค้านเปิดประเด็นทางการเมือง ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายสะดุด เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแสดงความคิดเห็น มองในทางบวกว่าความเห็นเหล่านั้นจะนำประเทศเดินไปข้างหน้า อะไรเป็นประโยชน์ก็ผลักดันอะไรที่ติติงก็ต้องรับฟัง 

สนธิรัตน์ ยังกล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะมากำกับดูแลกระทรวงพลังงานโดยเฉพาะ ว่า ยังไม่ทราบ แต่ไม่มีปัญหา อยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะเห็นความเหมาะสม ที่จะแบ่งหน้าที่กันอีกครั้ง หากมาจริงก็สามารถทำงานได้ ไม่มีปัญหาอะไร เชื่อทุกท่านมีความสามารถ

ภูมิใจยันกัญชาบ้านละ 6 ต้นมาแน่ ย้ำถ้าทำไม่ได้พรรคต้องสูญพันธุ์

วันเดียวกัน อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “กัญชาเสรี เพื่อการแพทย์” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยได้ให้สัญญากับประชาชนในการผลักดันกัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วยและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พร้อมยืนยันว่านโยบายนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“การสัมมนาวันนี้ รู้สึกตื่นเต้นที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และพลังของพี่น้องประชาชนจะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันกัญชาให้ถูกกฎหมาย ขอขอบคุณปลัดกระทรวงสาธารณสุขนำทีมบุคลากร ข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขมาร่วมงานสัมมนาในวันนี้ ขอให้มั่นใจว่านโยบายนี้จะเป็นกัญชาของประชาชน ที่ไม่ได้ทำเพื่อบันเทิงหรือสันทนาการ แต่จะมุ่งเน้นเรื่องการรักษาโรค ดูแลสุขภาพคนไทย พัฒนาการแพทย์เป็นหลัก ซึ่งกัญชาต้องเป็นยารักษาโรคที่ถูกกฎหมาย เป็นประโยชน์กับคนไทยอย่างเท่าเทียม ถูกบรรจุไว้ในสิทธิ์บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคและประกันสังคม เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และไม่ใช่การดูแลผลประโยชน์ของบริษัทผลิตยา ซึ่งนโยบายกัญชาได้ถูกบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ขอให้รอนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ ทั้งนี้ หากทำได้สำเร็จ กัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนด้วยความมั่นคงและแข็งแรง แต่หากทำไม่ได้ พรรคก็ต้องสูญพันธุ์” อนุทิน กล่าว

วิษณุไม่กังวลหากฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันแถลงนโยบาย

นอกจากนี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ได้ให้สัมภาษณ์วันนี้ว่า กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันแถลงนโยบายรัฐบาล สำหรับตนไม่ได้และเบาใจมากกว่า เพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล ตนไม่มีปัญหากับกติกาหรือข้อบังคับ อะไรก็ตามที่เข้าไปอยู่ในสภาแล้วในฐานะของรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตามวาระของสภาเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมตอบคำถามในสภาเท่านั้น ใครถูกตั้งคำถามก็ตอบไปตามนั้น 

“ประชาชนไม่ควรตื่นเต้น ขอให้ทำใจให้สนุกไปตามนั้น แม้ว่าผมจะไม่เคยเป็นสมาชิกจากสภาเลือกตั้ง แต่ผมมาจากรัฐมนตรีแต่งตั้ง ก็ต้องอยู่ร่วมกับสภาฟังการแถลงนโยบาย ยืนยันว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นมลทินหรือมัวหมอง ผมมองว่าไม่ใช่เกมในสภา แต่เมื่อเกิดข้อสงสัยก็เกิดการตั้งคำถาม แต่เมื่อไม่เชื่อในคำตอบก็จะนำไปสู่การอภิปราย ซึ่งผมและรัฐมนตรีไม่ได้กลัวอะไร แต่ก็ไม่ได้ท้าทาย เนื่องจากหลักการมีอยู่ เมื่อถูกถามก็ตอบ และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่กระทบกับความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ แม้ว่าจะถูกตั้งกระทู้ถามหลังการแถลงนโยบายในทันที เพราะเป็นหลักสากลและต่างประเทศก็มีเรื่องแบบนี้” วิษณุ กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสไทม์ไลน์แถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24-25 ก.ค. นี้ วิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของวิปฝ่ายรัฐบาล และหลายฝ่ายที่ต้องประชุมร่วมกัน แต่ขอเน้นย้ำว่าต้องทำนโยบายให้แล้วเสร็จก่อน และนโยบายจะต้องผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงจะสามารถแถลงนโยบายได้ ส่วนจะเป็นเมื่อใดไม่ทราบ แต่เร็วได้ก็เป็นการดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือขอประทานเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนไปแล้ววานนี้(11 ก.ค) แต่ยังไม่ทราบว่าวันใด

 

เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย 1 , 2 , 3

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net