ประยุทธ์เตรียมถอดหัวโขน คสช. แต่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งยังถูก ตร. ไปปรากฎตัวหน้าบ้านหลายราย

นักกิจกรรมหลายรายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบที่บ้าน บางส่วนเป็นกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และบางส่วนเพิ่งไปร่วมงานศพเลขาธิการ พคท. ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมแถลงถอดหัวโขน คสช. เย็นนี้ ก่อน คสช. สิ้นสภาพหลัง ครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ฯ แต่อย่างไรก็ตามคำสั่งที่ให้อำนาจทหารเรียกคนมาปรับทัศนคติยังคงอยู่

ภาพจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย 

15 ก.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานว่า วันนี้ประชาชนหลายคน ที่เคยเคลื่อนไหวในนามกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 และที่ร่วมงานญาปนกิจศพ ธง แจ่มศรี (ลุงดิน-สหายประชา ธัญญไพบูลย์) เลขาธิการพรรคคนที่ 4 เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพบที่บ้าน

สำหรับลักษณะการมาพบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีทั้งการส่วมชุดเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ จำนวนเจ้าหน้าที่มีตั้งแต่ สองถึงสิบกว่าคน เหตุผลในการเข้าพบมีทั้งการอ้างว่า มาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ห่วงว่าจะถูกทำร้ายอย่างกรณีของจ่านิว โดยตั้งใจมาเตือนให้ระวังตัว อ้างว่ามาสอบถามประวัติส่วนตัว มาตรวจสอบว่ายังอาศัยอยู่ตามที่อยู่เดิมที่ทางตำรวจมีอยู่หรือไม่ นอกจากนี้บางรายถูกถามถึงการร่วมงานญาปนจกิจศพ ธง แจ่มศรีด้วย

ธง แจ่มศรี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเสียชีวิตในวัย 98 ปี

อำลา 'ธง แจ่มศรี' เลขาธิการ พคท. ที่วัดพระประโทณเจดีย์

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. มีกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปพบนักวิชาการ และนักกิจกรรมที่บ้านอีกหลายรายโดยส่วนใหญ่เป็นการมาสอบถามว่ายังอาศัยอยู่ตามที่อยู่เดิมหรือไม่ อย่างก็ตามมีกรณีที่ผู้ที่ถูกตำรวจมาพบรายหนึ่งได้ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านว่าทำจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพบ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าว่าอะไรจึงให้เข้ามา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระบุ ทางกลุ่มชายที่เข้าไปพบนั้นไม่ได้แจ้งว่าเป็นตำรวจ แต่แจ้งว่ามาเยี่ยมญาติ

สงวน คุ้มรุ่งโรจน์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส/ผู้สื่อข่าวอิสระ อายุ 64 ปี เปิดเผยกับ แฟนเพจ 'ยูดีดีนิวส์ - UDD News' มีตำรวจนอกเครื่องแบบเดินทางไปที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ ทั้งที่ทั้ง 2 ท่านมีอายุเกือบจะ 90 ปีแล้ว ทำให้คุณแม่รู้สึกตกใจเพราะไม่รู้เรื่องการเมืองหลังจากนั้น ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบเดินทางมาหาตนเองที่บ้าน โดยอ้างว่ามาจากจังหวัดนครปฐม แต่เมื่อขอดูบัตรเจ้าหน้าที่ กลับปรากฏว่าเป็นตำรวจในกรุงเทพฯ สังกัดกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 8

“ตำรวจอ้างว่า นายสั่งมา เราก็เลยถามว่า ถ้านายสั่งให้ไปตายจะไปไหม? เราถามว่าเคยอ่านเฟซบุคเราไหม เขาบอกว่าไม่เคยอ่าน เราสงสัยว่า คนพวกนี้เขาอ่านหนังสือกันบ้างหรือเปล่า? รู้สึกโมโหมาก มาหาบ้านเราแล้วยังจะไปถ่ายรูปเพื่อนบ้านเราอีก เราก็เลยตะโกนให้ประชาชนมาจับตำรวจ ‘จับตำรวจเร็วๆ’ จากนั้น เขาก็รีบหนีไป เขาบอก สวัสดีป๋าหงวน ผมต้องรีบไป เพราะต้องไปเยี่ยมอีกหลายคนในฝั่งธนฯ”

สงวน ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ตำรวจตามมาบ้านในวันนี้ รวมถึงยังได้ไปบ้านนักกิจกรรมคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเมื่อวาน(14 ก.ค.62) ได้ไปร่วมงานฌาปนกิจศพนายธง แจ่มศรี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนสุดท้าย ที่จังหวัดนครปฐม โดยงานดังกล่าวมีนักเคลื่อนไหวหลายคนเข้าร่วมด้วย

รวมถึงสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ ‘จ่านิว’ ซึ่งได้กล่าวสดุดีและอ่านบทกวีที่แต่งถึง ‘ลุงธง’ โดยก่อนอ่านบทกวี นายสิรวิชญ์ กล่าวถึงคำพูดหนึ่งที่ว่า ‘ที่ใดมีการกดขี่ที่นั่นย่อมมีการต่อต้าน’

เช่นดียวกันกับ บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ซึ่งไปร่วมงานศพ ‘ลุงธง’ เมื่อวานนี้ ก็มีตำรวจสังกัดนครบาล 8 ไปหาที่บ้านวันนี้

ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวผ่านเพสบุ๊คว่า วันนี้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบที่บ้านเกือบครบทุกคนแล้ว นอกจากนี้ยังมีการไปพบพ่อแม่ของสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ นักข่าวอิสระ/นักข่าวอาวุโส จนทำให้พ่อแม่ซึ่งมีอายุเกือบ 90 ปี ตกใจ จึงขอเสนอกับ ผบ.ตร. ว่า ให้นัดหมายรวมกันทีเดียว แล้วมาพูดคุยกันให้รู้เรื่อง จะได้ประหยัดทรัพยาการของประเทศชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีเวลาไปตามจับคนที่ทำร้ายร่างกายนักกิจกรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า วันเดียวกันนี้ เวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแถลงอำลาตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อก่อการรัฐประหารจะสิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญ 2560 ในวันพรุ่งนี้หลังจากที่คณะรัฐมนตรีประยุทธ์2/1 เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เวลา 18.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน 

อย่างไรก็ตาม แม้ คสช. จะสิ้นสภาพไปตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญมาตรา 265 นั่นหมายความว่า คสช. จะไม่สามารถออกคำสั่งต่างๆ โดยอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ได้อีกแล้ว แต่มาตรา 279 ในรัฐธรรมนูญ 2560 ได้รับรองให้บรรดาประกาศ คำสั่ง และการกระทำต่างๆ ของ คสช. หรือ หัวหน้า คสช. ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ หรือระหว่างบังคับใช้รัฐธรรมนูญก่อนที่ คสช. จะสิ้นสภาพนั้น ให้ถือว่าการกระทำเหล่านั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และมีผลบังคับโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ทหารยังคงอำนาจควบคุมตัวพลเรือน : ข้อสังเกตต่อคำสั่งหัวหน้า คสช.

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. 70 ฉบับ จากจำนวนรวมทั้งสิ้น 557 ฉบับ (คำสั่ง คสช. 214 ฉบับ - ประกาศ คสช. 132 ฉบับ - คำสั่งหัวหน้า คสช. 211 ฉบับ) ซึ่งถือเป็นการยกเลิกเพียงบางส่วนเท่านั้น และบางเรื่องที่ยกเลิกไปนั้นก็ได้ถูกบรรจุลงในกฎหมายปกติแล้ว เช่นกรณีการทวงคืนผื่นป่า และที่สำคัญคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ให้ทหารสามารถควบคุมตัวบุคคลได้ไม่เกิน 7 วัน โดยไม่ทราบสถานที่ควบคุมตัว ญาติหรือทนายความไม่อาจเข้าเยี่ยม และไม่มีการตรวจสอบโดยศาลนั้นยังคงอยู่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท