Skip to main content
sharethis

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยชวนยกเลิกมรดก คสช.ที่กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน ชี้คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 51/2560 เพิ่มอำนาจ กอ.รมน. ตั้งแต่ปี 60 เรียกบุคคลมาพบและให้ข้อมูลได้ ขณะที่ รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ระบุ คสช.ไม่มีวันตาย แปลงร่างจาก ม.44 เป็น พ.ร.บ.มั่นคงฯ

จากซ้ายไปขวา พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน.

16 ก.ค.2562 จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โอนอำนาจให้ กอ.รมน.สามารถเชิญบุคคลเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติได้นั้น

วันนี้ (16 ก.ค.62) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง ในฐานะ โฆษก กอ.รมน. ชี้แจงยืนยันว่า คสช.ไม่ได้โอนอำนาจดังกล่าวให้ กอ.รมน.สามารถเรียกบุคคลมาพูดคุย เพราะในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ แต่กฎหมายที่ คสช.ใช้อยู่คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในการดูแลความเรียบร้อย เมื่อมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงเกิดขึ้นก็จะประกาศเป็นพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เมื่อมีการประกาศแล้วก็จะต้องมีการใช้กำลังตามมาตรา 16 กอ.รมน.เลือกว่าจะใช้อำนาจหน้าที่อย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงสอดคล้องกับหน่วยงานที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบคือทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ที่จะตัดสินใจเลือกใช้กำลังจะต้องเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่ถูกแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี

'เพื่อไทย' ชวนยกเลิกมรดก คสช.ที่กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน

ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้ข่าว ปฏิเสธว่า กอ.รมน. ไม่ได้เรียกบุคคลมาปรับทัศนคติ เหมือนกับคสช.นั้นไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบพบว่า หัวหน้า คสช.ได้ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 51/2560  เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2560 เป็นต้นมา โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 คำสั่งฉบับนี้กำหนดให้มีคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และให้มีคณะกรรมการในระดับจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ประการหนึ่งคือ “เชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลใด มาให้ข้อมูล หรือจัดส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานประกอบ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของคณะกรรมการ” ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อมิให้บุคคล ก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือ กระทบความมั่นคงของรัฐ

ลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 51/2560 ที่สามารถเรียกบุคคลมาพบและให้ข้อมูลนั้น กระบวนการออกคำสั่งเกิดขึ้นในยุคคสช. ไม่ได้ผ่านกระบวนการตรากฎหมาย ตามหลักประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ยังถือเป็นมรดก คสช.ที่กระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน ซึ่งพรรคฝ่ายค้าน และประชาชนผู้รักประชาธิปไตย จะต้องผลักดันให้มีการยกเลิกโดยเร็วต่อไป

'เพื่อชาติ' ชี้ คสช.ไม่มีวันตาย แปลงร่างจาก ม.44 เป็น พ.ร.บ.มั่นคงฯ

เช่นเดียวกับ ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า หลังมี ครม. ทุกคนคงคิดว่า ประเทศเราจะสิ้นสุดการใช้มาตรา 44 เสียที แต่ไม่ใช่เลย การมีอยู่ของ คสช.กว่า 5 ปีนี้ คงไม่จบลงง่ายๆ กว่าจะได้เข้าสู่อำนาจ กว่าจะรักษาอำนาจได้ จนกระทั่งกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในสมัยที่สองไม่ใช่เรื่องง่าย การมีอยู่ของเครื่องมือบริหารอำนาจ จะคงอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบ แปลงร่างวิธีการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ค่อนข้างชัดเจน และ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ที่มีการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 51/2560 แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหา ปรับโอนหน้าที่ของ คสช. ให้กับ กอ.รมน. โดยมีการจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้ว โดยการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ขยายคำจำกัดความของการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรให้รวมถึงอาชญกรรมปกติที่เคยอยู่ในอำนาจของตำรวจ รวมถึงอำนาจเรียกตัวบุคคลมาควบคุมตัวในรูปแบบของการมาให้ข้อมูลคล้ายกับอำนาจของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ให้อำนาจทหารสามารถเรียกบุคคลมาเพื่อสอบถามข้อมูลหรือให้ถ้อยคำ หากยังสอบถามไม่แล้วเสร็จสามารถควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน ดังที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้เพิ่งกล่าวถึงไปเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.62)

"ขอเตือนความจำไว้เพียงแค่นี้ ขอให้พี่น้องประชาชน พี่น้องสื่อมวลชน อย่าลืมม.44 จบไป คสช.จบไป แต่คสช.ไม่มีวันตาย จะคงแฝงร่างอยู่กับพี่น้องประชาชน จนกว่าเราจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำลายผลพวงของการรัฐประหารได้ แม้เป็นเรื่องที่ยาก แต่หากเราร่วมมือกัน เผด็จการไม่มีทางต้านทานกระแสประชาชนได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญเรามาคอยดูกันว่าหากไม่มีเครื่องมือสำคัญอย่าง ม.44 แล้ว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะจัดการ และบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่มีพรรคร่วมมากมายขนาดนี้ได้นานแค่ไหนอย่างไร น่าสนใจติดตามอย่างยิ่ง" รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าว 

 

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น มติชนออนไลน์ และ เพจ ดร.รยุศด์ บุญทัน Dr.Rayuth Bunthan 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net