Skip to main content
sharethis

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีจัดกำลังเฝ้าติดตามอาการและอำนวยความสะดวกให้กับญาติของ 'อับดุลเลาะ อีซอมูซอ' ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ป้องกันการนำเสนอข้อมูลที่ผิดเพี้ยนผ่านเพจบิดเบือนชี้นำสังคม พร้อมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทุกเมื่อ

28 ก.ค. 2562 จากกรณีนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ อายุ 34 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงหมดสติขณะถูกควบคุมตัวภายในหน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2562 เวลาประมาณ 03.00 น. ปัจจุบันได้เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้จัดกำลังพลเฝ้าติดตามดูแลอาการ และอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด นำไปสู่การนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนความจริงในลักษณะชี้นำว่าทหารเข้าไปควบคุมจำกัดเสรีญาติผู้ป่วยในโรงพยาบาล จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมอย่างกว้างขวาง

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งว่าเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2562 พันเอกวัชรกร อ้นเงิน ผู้ช่วยโฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าจากกรณีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จัดกำลังพลเฝ้าติดตามดูแลอาการ และอำนวยความสะดวกให้กับนายอับดุลเลาะฯ และญาติอย่างใกล้ชิดนั้น ไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นบิดเบือน ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าเป็นความปรารถนาดีที่ต้องการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกตามหลักมนุษยธรรมเท่านั้น โดยจัดกำลังพลคอยดูแลหมุนเวียนกันครั้งละ 2-3 คน รวมทั้งกำลังพลที่จัดมาส่วนใหญ่เป็นทหารพรานหญิง ซึ่งจะได้ดูแลภรรยาและญาติของ นายอับดุลเลาะฯ ได้อย่างใกล้ชิดไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง

ภายหลังที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวพลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 นำกำลังกลับหน่วย เพื่อให้เกิดความสบายใจกับญาติ และผู้ที่มาเยี่ยมอาการของนายอับดุลเลาะฯ พร้อมย้ำ ถ้าอยากให้ทหารมาช่วยดูแลอำนวยความสะดวก ขอให้บอกได้ตลอดเวลาพร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แต่งตั้งขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคม เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างอิสระ ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางที่เหมาะสม ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็วที่สุด ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และหากพบเป็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ก็จะทำการลงโทษสถานหนักทั้งทางวินัยและอาญาทหารโดยไม่ละเว้น

ทั้งนี้ยืนยันว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายและรับฟังทุกข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา แต่ขอให้การแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปในลักษณะชี้นำ ปลุกระดมหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนจนกว่าความจริงจะปรากฏ เพราะจะเป็นการซ้ำเติมและขยายประเด็นความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณใน การรับข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อผู้ไม่หวังดี หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net