Skip to main content
sharethis

ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจประชาชนพอใจการอภิปรายนโยบายรัฐบาลวันที่ 2 เพิ่มขึ้น ยก 'พิธา' ส.ส.อนาคตใหม่ เป็นดาวสภาฯ คนรุ่นใหม่ 5 อันดับแรก 'พิธา-ปิยบุตร-พรรณิการ์-วัน-ปารีณา' ส่วนอภิปรายวันแรกประชาชนส่วนใหญ่ 72.8% ระบุไม่ได้ประโยชน์

28 ก.ค. 2562 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ทำการ สำรวจกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,111 ตัวอย่าง เปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการแถลงนโยบายรัฐบาล ระหว่างวันแรกและวันที่สอง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26- 27 ก.ค.พ.ศ. 2562 พบว่า ประชาชนได้ประโยชน์จากการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่สองเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27.2 ในวันแรกเป็นร้อยละ 55.8 ในวันที่สอง

ในขณะที่ คนที่ระบุไม่ได้ประโยชน์ลดลงจากร้อยละ 72.8 ในวันแรกเหลือร้อยละ 44.2 ในวันที่สอง ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือ ผลโพล 5 อันดับ ดาวสภาฯ คนรุ่นใหม่ ขวัญใจประชาชนในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลพบว่า เป็นผู้อภิปรายของพรรคอนาคตใหม่ 3 อันดับรวด ได้แก่ อันดับที่ 1 หรือร้อยละ 16.3 ระบุ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคอนาคตใหม่ อันดับที่สอง หรือร้อยละ 13.1 ระบุ นายปิยบุตร แสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่ อันดับที่สามหรือร้อยละ 11.3 ระบุ นางสาว ช่อ พรรณิการ์ พรรคอนาคตใหม่ เช่นกัน ในขณะที่ ร้อยละ 5.3 ระบุ นายวัน อยู่บำรุง พรรคเพื่อไทย และร้อยละ 2.9 ระบุ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ พรรคพลังประชารัฐ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของประชาชนต่อกลุ่มฝ่ายต่าง ๆ ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาล เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน จำแนกตามกลุ่มจุดยืนทางการเมือง ได้แก่ กลุ่มสนับสนุนรัฐบาล กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มพลังเงียบ พบว่า กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลพอใจรัฐบาลที่ 7.07 คะแนน มากกว่า กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลมีอยู่ที่ 3.87 และมากกว่ากลุ่มพลังเงียบที่ 5.73 คะแนน

ในขณะที่ ค่าเฉลี่ยความพอใจต่อฝ่ายค้าน พบว่า กลุ่มผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลพอใจฝ่ายค้านอยู่ที่ 8.46 คะแนน กลุ่มพลังเงียบที่ 6.71 คะแนนและกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลแต่พอใจฝ่ายค้านอยู่ที่ 5.52 คะแนน นอกจากนี้ความพอใจต่อประธานสภาฯ พบว่า กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลพอใจสูงสุดต่อประธานสภาฯ คือ 8.19 คะแนน กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ที่ 5.53 และกลุ่มที่เป็นพลังเงียบพอใจประธานสภาฯ ที่ 6.28 ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า จากผลโพลครั้งนี้ ในการอภิปรายแถลงนโยบายวันแรก อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนไม่โอเคกับบรรยากาศในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเพราะนักการเมืองบางคนมักจะเป็นพวกพิ๊กกี้ (Picky) คือ เลือกที่จะปั่นอารมณ์และทำให้บางคนโกรธจนกระทบต่อภาพลักษณ์ของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก แต่วันที่สองเห็นได้ว่าประเทศไทยยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ดีอภิปรายในสาระประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศและหาทางออกร่วมกันจนทำให้ประชาชนสบายใจขึ้น

“ในการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายที่ดี ทุกคนควรพูดได้ทั้งประชาธิปไตยและรูปแบบอื่น ๆ เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่รูปแบบ แต่สิ่งสำคัญคือ คนในรัฐสภาสร้างความเกลียดชังต่อกันขัดขวางคนที่ไม่ใช่พวกเข้ามีส่วนร่วมแก้ปัญหาของประชาชน โดยลืมหลักสำคัญประการหนึ่งของประชาธิปไตยที่ดีคือ การลดความขัดแย้งในกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านรัฐสภา ไม่ใช่คนในรัฐสภาเป็นต้นตอของความขัดแย้งเสียเอง และคนบางกลุ่มตั้งกำแพงกั้นจนไม่สามารถเข้าทำงานร่วมกันได้ในวิถีประชาธิปไตยของไทยเพราะพวกเขาละเลยประวัติศาสตร์และความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ” ผศ.ดร.นพดล กล่าว

อภิปรายวันแรกประชาชนส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่ 72.8% ระบุไม่ได้ประโยชน์

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2562 ซูเปอร์โพลนำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ประเมินผลแถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,563 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เก็บข้อมูลวันที่ 26 ก.ค. พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา 

เมื่อถามถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการแถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.8 ไม่ได้ประโยชน์ ในขณะที่ร้อยละ 27.2 ได้ประโยชน์ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.6 ไม่เชื่อมั่นต่อพรรคการเมืองทำตามนโยบายหาเสียง ในขณะที่ร้อยละ 21.4 เชื่อมั่น เมื่อประเมินความพึงพอใจของประชาชนต่อฝ่ายต่าง ๆ ในสภาฯ ได้แก่ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และประธานสภาฯ ในการทำหน้าที่แถลงนโยบายรัฐบาลภาพรวม เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า ฝ่ายค้านได้ 6.46 คแนน ผู้ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ได้ 5.84 และฝ่ายรัฐบาลได้ 5.11 คะแนน

อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.2 ระบุ ไม่มีใครน่าชื่นชอบเลยในวันแถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก ในขณะที่ ร้อยละ 20.8 ระบุมีคนที่น่าชื่นชอบ เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางสาวช่อ พรรณิการ์  นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว นางสาว ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นต้น  แต่ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึง คนนอก สภาฯ ที่น่าชื่นชอบ ทุ่มเททำงานหนักแก้เดือดร้อนชาวบ้านได้ดี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.0 ระบุมีคนนอก สภาฯ ที่น่าชื่นชอบ เช่น นาง ปวีณา หงสกุล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นต้น ในขณะที่ ร้อยละ 25.0 ระบุไม่มีใคร

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า อารมณ์ของสาธารณชนยังเปิดโอกาสให้รัฐบาลและคนในสภาฯ ได้ทำงานเร่งแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนแต่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ได้รับจากการแถลงนโยบายและขาดความเชื่อมั่นต่อพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้ จึงเสนอให้เอาวาทกรรมการเมืองในสภามาทำให้เห็นเป็นจริงจังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จับมือแกนนำฝ่ายค้าน “เดินตลาดสด” หรือลงพื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นจุดวิกฤตเดือดร้อนของประชาชนและเอามาอภิปรายแก้ปัญหาเดือดร้อนประชาชนในสภาร่วมกัน เช่น ภัยแล้ง คนไทยตกงานบริษัทใหญ่ปิดตัว ปัญหายาเสพติด ค่าครองชีพสูง ราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ จนได้ข้อยุติเป็นผลงานร่วมกัน ผลที่ตามมาคือ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสภาฯ น่าจะกลับคืนมาได้ไม่ยากนัก

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ไม่มีใครรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยจริง ๆ ในอีก 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติที่ตั้งไว้ แต่สิ่งที่รู้มีสิ่งเดียวคือ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถจะคาดการณ์ได้และประชาชนกำลังต้องการจะรู้ว่าเป้าหมายปลายทางของนโยบายรัฐบาลอยู่ที่ไหน วันแต่ละวันพวกเขาจะหาเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ถ้าผู้นำและผู้บริหารประเทศมองเห็นเป้าหมายปลายทาง (Destination) แต่สาธารณชนยังมองไม่เห็น จึงจำเป็นต้องสร้างความฝัน (Dream) ร่วมกัน และออกแบบ (Design) ร่วมกันในการขับเคลื่อนพลังของสาธารณชนไปพร้อมกับรัฐบาลและฝ่ายค้านสู้กับความเดือดร้อนให้คลี่คลายได้

“ประชาชนและสาธารณชนในเวลานี้อยู่ในสภาวะที่ไร้อำนาจ (Powerless) หรือ สภาวะแปลกแยกในความเป็นมนุษย์ (Alienation) เพราะกำลังเดือดร้อนทุกข์หนักเกินความสามารถของตนเองและชุมชนจะจัดการได้ ข้อเสนอแนะคือ การหาทางออกร่วมกันระหว่างฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิก ทำให้คนจนคนมีรายได้น้อย เช่น คนชายขอบแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ คนในชุมชนแออัดในเมือง ได้มีอำนาจที่ชอบธรรมตามกฎหมายในการช่วยตัวเองและกำหนดทิศทางการแก้ปัญหาเดือดร้อนของตนเองในระดับชุมชนของตนเองได้มากขึ้น นำเรื่องเหล่านี้มาหารือในสภาฯ ร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อสภาฯ กลับคืนมา” ผศ.ดร.นพดล กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net