ประยุทธ์ ย้ำประเด็นซื้อเรือดำน้ำจีนมากกว่า 1 ลำเพราะต้องมีเรือที่เอาไว้พักซ่อมบำรุงหมุนเวียนกัน ขณะที่สหรัฐฯอนุมัติให้ขายรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ ‘สไตรค์เกอร์’ จำนวน 60 คัน ให้แก่ประเทศไทย มูลค่าประมาณ 5,400 ล้านบาท 

30 ก.ค.2562 เฟสบุ๊ค 'Wassana Nanuam' ของ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และ โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกล่าวถึงโครงการจัดซื้ออาวุธของเหล่าทัพ จากนี้จะถูกจับตามองว่า ถ้าจะซื้อก็ต้องซื้อให้มันถูกต้อง มีคณะกรรมการตรวจสอบ ให้มั่นโปร่งใส ไม่อย่างนั้นก็จากกล่าวอ้างกันไปกันมา

เมื่อถามว่ารัฐบาลใจยังสนับสนุนโครงการเรือดำน้ำของจีน3 ลำ ต่อไปอีกหรือไม่ เพราะกำลังถูกจับตามองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเรือดำน้ำมัน จบไปแล้ว เพราะ ครม.อนุมัติไปแล้วทั้งโครงการ 3 ลำ 

กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือจากจีนลำที่ 2 และหลังที่ 3 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ามีลำเดียวแล้ว พอมั้ย แล้วถ้าเรือมันเสีย จะทำอย่างไร มันต้องมีเรือที่เอาไว้พักซ่อมบำรุงหมุนเวียนกัน ตนก็ไม่รู้เหมือนกันให้ดูตามความจำเป็น

ส่วนการให้เหล่าทัพ เตรียมตัวเรื่อง พระราชบัญญัติงบประมาณ 2563 นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราก็เสนอมากันแล้วเป็นงบฯ ของแต่ละเหล่าทัพ เค้าเสนอมาแล้วแต่ละปี ส่วนใหญ่หน่วยงาน ก็จะเสนอมาเกินทั้งนั้น มันไม่ได้หรอกเพราะงบประมาณมันมีจำกัด ขึ้นอยู่กับสัดส่วนงบประมาณที่เขาจะจัดสรรให้อยู่แล้วตามความเหมาะสม และความเป็นไปได้มันคงไม่ได้ทั้งหมด

สหรัฐฯ อนุมัติคำขอไทย ขายรถหุ้มเกราะลำเลียงพล ‘สไตรค์เกอร์’  60 คัน 5.4 พันล้าน

วอยส์ออนไลน์ รายงานว่า เว็บไซต์ขององค์การความร่วมมือด้านความมั่นคง ในสังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ DefenseNews.com เผยแพร่เอกสารข่าวแจกเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ระบุว่า ทางองค์การได้แจ้งไปยังสภาคองเกรสถึงแผนการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ประเทศไทย มูลค่า 175 ล้านดอลลาร์ฯ

อาวุธและอุปกรณ์สนับสนุนที่อนุมัติการขาย ประกอบด้วย ยานลำเลียงพลทหารราบ M1126 Stryker จำนวน 60 คัน, ปืนกลขนาดลำกล้อง 0.50 นิ้ว จำนวน 60 กระบอก, ชุดยิงระเบิดควันประจำรถ คันละ 4 ชุด, ระบบสื่อสารประจำรถ, อะไหล่, เครื่องมือเฉพาะและอุปกรณ์ทดสอบ รวมถึงยุทธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องและโปรแกรมสนับสนุน

ถ้อยแถลงของเพนตากอน ฉบับนี้ ระบุว่า แผนการขายดังกล่าวจะส่งเสริมเป้าหมายด้านการต่างประเทศและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยเป็นการช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศไทยในฐานะพันธมิตรนอกกลุ่มนาโต้ ภายในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ