ปมเงินประกันตัว 'แหวน ณัฎฐธิดา' ที่เคยระดมทุนจากประชาชน ‘ทนายวิญญัติ’ แจงเงินประกันเป็นกองทุน ต้องทยอยคืนคนบริจาค ด้าน 'ศรีสุวรรณ' จ่อร้องประยุทธ์สอบข้อพิรุ
31 ก.ค.2562 กรณีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นเงินประกันตัวที่เคยระดมทุนจากประชาชน เพื่อประกันตัวณัฎฐธิดา(แหวน) มีวังปลา อดีตพยาบาลอาสาและพยานปากสำคัญในคดี 6 ศพวัดปทุมวนารามเมื่อปี 2553 ซึ่งถูกดำเนินคดีปาระเบิดลานจอดรถศาลอาญา รัชดาฯ ปี 2558 นั้น
‘ทนายวิญญัติ’ แจงเงินประกันเป็นกองทุน ต้องทยอยคืนคนบริจาค
เมื่อเวลา 19.46 น. วานนี้ (30 ก.ค.62) วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความและเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) โพสต์ข้อความว่า ตนเป็นทนายความมากว่า 20 ปี ทำงานวิชาชีพด้วยความรู้ที่มีเพื่อรับผิดชอบงานต่อลูกความทุกคนอย่างเต็มกำลัง งานจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายมาร่วม 10 ปีให้ความเห็นทางกฎหมายตรงไปตรงมาเพื่อสังคมและการเมือง ไม่เคยละเลยหน้าที่ทิ้งคดีทิ้งลูกความให้เสียหายต่อคดี
"ผมยืนยันด้วยเกียรติ และศักดิ์ศรีของนักกฎหมายที่ผ่านโรงเรียนกฎหมายมาหลายแห่ง ยึดมั่นในหลักการและใช้เหตุผลตามหลักจริยธรรม หลายคดีผมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยลูกความ ทุกคดีว่าความอย่างเต็มที่ด้วยความภาคภูมิใจ" วิญญัติ โพสต์
วิญญัติ ยังโพสต์คำชี้แจงตนเองในมติชนออนไลน์ซึ่งระบุว่า ถึงกรณี ณัฎฐธิดา (แหวน) อ้างถึงทีมทนายความ สกสส. ไม่คืนเงินประกันกว่า 9 แสนบาทให้ ว่า ตั้งแต่ มี.ค. 2558 ได้เข้ามาดูคดีแหวน เพราะแหวนถูกควบคุมตัวโดยใช้กฎอัยการศึก ประชาชนหลายคนที่ช่วย เคยมีความสัมพันธ์ในคดีก็ช่วยมาตลอด จนกระทั่งมาประกันตัวในคดีที่แหวนถูกกล่าวหาปาระเบิด ครั้งแรกยื่นประกันตัวร่วมกับจำเลยอื่น 4 คน จากทั้งหมด 14 คน ซึ่งมี 4 คนที่ สกสส.รับผิดชอบ ประกันตัวโดยใช้โฉนดที่ดินมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทยื่นประกันตัวออกมา ปรากฏว่าแหวนถูกอายัดตัวในคืนนั้นทันที ก็ตามไปช่วยที่กองปราบ จนกระทั่งสู้คดีก็ว่าความในศาลมาตลอด ตั้งแต่คดีระเบิดจนถึงคดีที่สองได้ช่วยเหลือแหวนมา 4 ปีกว่าเต็มๆ
พอแหวนติดคุกในคดีที่สองที่ถูกอายัดตัว เป็นช่วงจังหวะที่ไม่มีทรัพย์ที่จะประกันตัว เพราะว่าเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นหลายคดี ประกันตัวหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเสื้อแดง เรื่องที่เกิดจาก คสช. มันก็เลยมีการปรึกษาหารือกันในบรรดาทนายความและนักกิจกรรมว่าจังหวะเวลาที่จะประกันตัวคดีความผิดมาตรา 112 ได้ ต้องรอให้มีการสืบพยานไปก่อน เราก็ได้จังหวะในช่วงเดือน ก.ค. 2561 เริ่มขอรับบริจาค เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ การรับบริจาคโดยได้บอกสังคมว่าเป็นกองทุนใช้ประกันตัวแหวน ถ้าหากไม่ใช่แหวนก็เป็นกองทุนประกันตัวบุคคลอื่นด้วย ขณะที่เปิดรับบริจาค ขอให้ทุกคนส่งสลิปและความจำนงมาให้ เพื่อที่จะคืนให้ทุกคนหลังภารกิจเสร็จสิ้น
เลขาธิการ สกสส. กล่าวว่า เงิน 9 แสนบาท เป็นกองทุนในการให้ประกันตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเงินของแหวนหรือจำเลยคนใด ส่วนที่เกิน 9 แสน ก็เตรียมไว้มอบให้แหวนใช้ชีวิตหลังออกมาจากคุก หรือเป็นค่าดำเนินการในส่วนของ สกสส.เอง ซึ่งบอกอยู่แล้วว่าจะมอบให้ ก็มีส่วนหนึ่งที่เรามอบให้ อีกส่วนหนึ่งแหวนก็บอกว่ามอบให้เราเหมือนกัน เพื่อที่จะทำงานช่วยเหลือคนอื่นต่อไก็รับไว้ เงิน 9 แสนบาทก็ยังอยู่ในศาล ตั้งแต่แหวนได้รับอิสรภาพ ไม่มีกรณีที่ทนายจะต้องถอน เพราะถ้าถอนแหวนก็จะถูกถอนประกันและต้องติดคุก ซึ่งไม่มีทนายความคนไหนทำ
แต่วันดีคืนดี ในคดีที่ตนว่าความอยู่ทั้งคดีปาระเบิดและคดี 112 ในคดี 112 มีการแต่งทนายเข้ามาในคดีโดยไม่บอกกล่าว แล้วไปปล่อยข่าวในทางเสียหาย จึงเป็นที่มาของการขอถอนทนายออกจากการช่วยเหลือแหวนในคดีนั้น การถอนทนายก็แจ้งต่อศาลเรียบร้อย ที่อ้างว่าเราไม่รับผิดชอบ ทิ้งลูกความ ไม่ไปเซต์เอกสาร เรื่องนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ ทุกอย่างเรียบร้อย เมื่อถอนทนายออกหมดตามมติ แหวนก็มี ประเวศ ประภานุกูล เป็นทนาย ขณะที่เราถอนออกมาคดีไม่เสียหาย และไม่ถอนหลักประกันด้วย ก็อยู่อย่างนั้น
เลขาธิการ สกสส. กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งแหวนไปขอยืมเงินใครมาก็ไม่รู้ เรามาทราบทีหลังว่าแหวนไปยืมเงินโดยอ้างว่าทนายความจะถอนตัวอันนี้ที่เราทราบ จะจริงไม่จริงอีกเรื่องหนึ่ง อ้างทนายจะถอนประกัน แหวนจะติดคุก เราก็สงสัยว่าหลักประกันอยู่ของมันดีๆ อยู่แล้ว ทำไมต้องเปลี่ยนหลักประกัน เราสงสัยแต่เราก็เฉย ถ้าคุณอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยน ไม่เปลี่ยนก็คาไว้อย่างนั้น แต่ด้วยสาเหตุใดไม่รู้ ซึ่งเราอนุมานว่าอาจจะอยากได้เงินมาใช้หรืออยากได้เงินก้อนนั้นก็เป็นไปได้ คดีเราก็ทำไป ว่าความตลอด พอเปลี่ยนหลักประกัน ศาลก็เรียกนายประกันซึ่งเป็นทีมทนายความของตนไปรับเงินคืน ศาลไม่รับเงินสองก้อนอยู่แล้ว
ทนายวิญญัติ กล่าวต่อว่า พอรับมาก็เห็นว่าเงินก้อนนี้ไม่ใช่ของแหวนอยู่แล้ว และไม่อยากให้เกิดข้อครหาว่าเราเก็บเงินไว้ใช้ ทั้งที่มีสิทธิเก็บไว้ใช้ได้ เพราะเป็นเงินกองทุนสำหรับช่วยเหลือหลายๆ คน ในคดีทางการเมือง แต่ก็ไม่เก็บ ผู้ที่เป็นนายประกัน เขาก็เลยประกาศทางเฟซบุ๊ก สกสส. ว่าเราจะคืนเงิน 9 แสนบาท ให้กับคนที่ให้ยืมเงิน เพราะตอนบริจาคบางคนบอกไม่ได้ให้ขาด เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นหลักแสน หลังจากนั้นก็ทยอยคืนให้กับคนที่แจ้งความประสงค์จะขอรับคืนเป็นจำนวนมากแล้ว บางส่วนที่ไม่ขอรับคืน เราก็เก็บไว้ช่วยเหลือคดีอื่นต่อไป จึงเป็นที่มาว่าเงินที่เราได้มาเราไม่ได้เก็บไว้ใช้เอง ไม่ใช่เงินของเรา และไม่ใช่เงินของแหวน แค่นั้นเอง
"สุดท้ายเรื่องแทนที่มันจะจบ มีการไปปล่อยข่าวว่าทนายทิ้งคดี ทนายไม่รับผิดชอบ โดนศาลเตือนอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นปัญหาเยอะ จริงๆ มันไม่ใช่เลย ทุกคดีที่เราว่าความ ผมก็ยังว่าความให้จำเลยอื่นในคดีเดียวกับแหวน เรื่องนี้มีพยานเยอะ ไม่กังวลหรอก เราไม่เคยทำร้ายใครมีแต่ช่วยคน ไม่ต้องเชื่อแต่พิสูจน์ได้” วิญญัติ กล่าว
ต่อกรณีที่ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย รับร้องเรียนกรณีนี้ วิญญัติ กล่าวว่า ที่ศรีสุวรรณรับเรื่องของแหวนไม่ว่ากัน แต่ฝากว่า ศรีสุวรรณเป็นนักกฎหมาย ต้องฟังความทั้งสองฝ่ายหรือทุกฝ่ายให้เรียบร้อย การจะช่วยใครอย่าทำให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเสียหาย ไม่ติดใจที่นายศรีสุวรรณออกมาช่วย แต่อยากให้รู้ความจริงเป็นอย่างไร นายศรีสุวรรณตรวจสอบที่ศาลได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าอยากให้เปิดเผยเรื่องเงินเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคนสองคน มันผิดกฎหมาย จึงอยากให้ศรีสุวรรณตรวจสอบทุกอย่างให้รอบคอบก่อนที่จะเสียคนกับเรื่องแบบนี้ แหวนอยากจะได้เงินหรืออยากจะเอาเงินบริจาคไปทำอะไรเราไม่ทราบ แต่สิ่งหนึ่งก็คือสามารถชี้แจงทุกขั้นตอนที่เราช่วยเหลือคดีได้ ไม่เคยทิ้งคดี อันนี้ยืนยันได้
ต่อคำถามที่ว่าได้พูดคุยกับแหวนหรือไม่หลังจากที่เป็นข่าวนั้น ทนายวิญญัติ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แหวนไม่โทรคุยกับเรา มีแต่อัดคลิปใส่เรา แต่ก่อนหน้านั้นที่จะถอนทนายเราเรียกแหวนมาคุย เจอในคดีเราก็คุย เรื่องที่แต่งทนายมาไม่บอกเรา แล้วปล่อยข่าวให้เสียหาย แหวนก็ขอโทษ บอกจะเอาทนายคนนั้น เราก็แจ้งถอนทนาย หลังจากนั้นไปเจอกันที่ศาลก็ไม่คุยเรื่องนี้ ไม่อยากต่อปากต่อคำ น่าจะจบ จนกระทั่งมาเห็นข่าว แต่หลังจากนี้ก็ยินดีที่จะคุยปรับความเข้าใจ คิดว่าแหวนเข้าใจผิด
'ศรีสุวรรณ' จ่อร้องประยุทธ์สอบข้อพิรุธทนายกลุ่มนี้
ขณะที่ ศรีสุวรรณ แจ้งว่า ตนได้รับร้องเรียนจากณัฎฐธิดากรณีนี้ พร้อมระบุว่าในการต่อสู้คดีของณัฎฐธิดาหรือแหวนนั้น ในตอนต้นได้รับความช่วยเหลื
ในการไปศาลเพื่อต่อสู้คดีแต่
ศรีสุวรรณ ระบุว่า แหวนได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)