Skip to main content
sharethis

เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ 'ประยุทธ์' สั่งติดตามเหตุระเบิดใกล้ชิด เพิ่มมาตรการปลอดภัย ตั้ง ผบ.ตร.เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ระเบิด ด้าน 'มท.1' ระบุยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติในต่างจังหวัด


ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย

2 ส.ค. 2562 หลังจากเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) เกิดเหตุวางระเบิดปลอมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุม 2 ผู้ต้องสงสัยได้แล้วขณะกำลังหลบหนี

ล่าสุดวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (2 ส.ค.) ได้เกิดเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานครอีกหลายจุด ดังนี้ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ,ตึกมหานครและพงหญ้าใต้บันไดบีทีเอสช่องนนทรี ฝั่งตึกมหานคร, ซอยพระราม 9 แยก 57/1 , หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย และ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน

โดยสรุปเหตุระเบิด 7 จุดในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1-2 ส.ค. 2562 ได้ดังนี้

วันที่ 1 ส.ค. 2562
15.00 น. บริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แยกราชประสงค์ ถนนพระราม 1 พบวัตถุต้องสงสัย ตรวจสอบแล้วไม่อันตราย และเวลา 02.00 น. ของอีกวัน สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 2 คนบนรถโดยสาร บขส. จังหวัดชุมพร

วันที่ 2 ส.ค. 2562
07.05 น. บริเวณสวนหย่อมหน้าศูนย์ราชการอาคาร B เขตหลักสี่ พบวัตถุต้องสงสัย ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ

08.36 น. บริเวณหน้าอาคารมหานคร และพงหญ้าใต้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 2 ครั้ง

09.00 น. บริเวณซอยพระราม 9 แยก 57/1 พบวัตถุต้องสงสัย คล้ายอาวุธปืนและระเบิดปิงปอง มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน

09.45 น. บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์ราชการ เขตหลักสี่ พบระเบิด 2 ลูก เจ้าหน้าที่ EOD ปิดกั้นพื้นที่และเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยแล้ว

10.50 น. บริเวณหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน เกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแล้ว

12.00 น. โดยประมาณ สวพ.FM91 รายงานพบวัตถุต้องสงสัยใต้บันไดทางขึ้น รถไฟฟ้าสถานีศาลาแดง บริเวณสีลม ซอย 2/1 เจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่ EOD และเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

โดยผลสรุปข้อมูลทางการจากชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีดังนี้

- วัตถุต้องสงสัยหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันเป็นระเบิด 
- ระเบิดที่หน้าศูนย์ราชการ อาการ B มี 2 ลูก ระเบิดทั้ง 2 ลูก 
- ระเบิดที่หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย มี 2 ลูก ระเบิด 1 ลูก กู้ได้ 1 ลูก 
- ระเบิดย่านช่องนนทรี 2 ลูก ระเบิดทั้ง 2 ลูก 
- ระเบิดที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศรีสมาน ตรวจแล้วไม่ใช่ระเบิด
**จุดอื่นๆ ไม่ใช่ระเบิด เป็นวัตถุต้องสงสัย มีทั้งจงใจและไม่จงใจ 
***ระเบิดทุกจุดมีลักษณะเดียวกันกับที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่าเชื่อมโยงกัน

'ประยุทธ์' สั่งติดตามเหตุระเบิดใกล้ชิด เพิ่มมาตรการปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานเหตุระเบิดป่วนเมืองหลายจุดในช่วงเช้าวันนี้ (2 ส.ค.) แล้ว 

“นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ดำเนินการสอบสวน เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย และติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือประชาชนอย่าตื่นตระหนก และร่วมมือในการเฝ้าระวัง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ตั้ง ผบ.ตร.เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ระเบิด

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการในการติดตามเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานคร โดยให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตนจะเป็นประธานประชุมสรุปสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ขอเปิดเผยวันและเวลาการที่จะประชุม ขอให้ประชาชนช่วยกัน เป็นหูเป็นตา ดูคนแปลกหน้ามาวางสิ่งของ  

“เป็นเรื่องการสร้างสถานการณ์ เบื้องต้นยังประเมินไม่ได้ว่าเกิดจากกลุ่มใด เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น ขอเวลา ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ทั้งผู้ปฏิบัติและการข่าว ส่วนเชื่อมโยงกับเหตุความไม่สงบในจังหวัดใช้แดนภาคใต้หรือไม่ ยังไม่ทราบ ขอสอบสวนก่อน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เพิ่มการรักษาความปลอดภัยคุมเข้มทำเนียบฯ  24 ชม. ตรวจคนเข้า-ออก

พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า หลังเกิดการสร้างสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งเพิ่มมาตรการระวังป้องกัน  โดยให้เวรยามแต่ละประตูเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติและคอยสังเกตประตูที่ตัวเองรับผิดชอบว่ามีบุคคลต้องสงสัย มีพฤติการณ์ที่จะนำสิ่งของต้องสงสัยมาวางไว้หรือไม่

พ.ต.อ.วัชรวีร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ประสานกับ สน.ดุสิต ให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการตรวจโดยรอบทำเนียบฯ และนายกรัฐมนตรี ได้กำชับดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่สำคัญอื่น ๆ ในการเฝ้าระวัง อย่าให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ส่วนในทำเนียบฯ จะเพิ่มความถี่ในการตรวจมากขึ้นกว่าเดิม มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ที่ออกเวรแล้วให้มาช่วยเสริมการปฏิบัติในการออกตรวจ และต่อไปอาจจะมีการประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ทหารด้วย

“การตรวจพื้นที่เมื่อช่วงเช้า ยังไม่มีสิ่งผิดปกติที่ต้องเฝ้าระวัง และการตรวจตรารอบทำเนียบฯ จะมีวงรอบในการตรวจ ประมาณชั่วโมงละ 1 ครั้ง แต่ช่วงนี้จะเพิ่มความถี่ในการออกตรวจเป็น 24 ชั่วโมง ขณะที่การเข้า-ออกทำเนียบฯ ได้สั่งเพิ่มเติมให้ตรวจเข้มบุคคลที่เข้ามาว่าจะมาพื้นที่ส่วนไหน ซึ่งมาตรการทางเราได้วางไว้อยู่แล้วว่าใครจะมาตึกไหน จะใช้บัตรสีที่แตกต่างกัน หรือสีประจำตึก” พ.ต.อ.วัชรวีร์ กล่าว

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีต้องเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่นั้น พ.ต.อ.วัชรวีร์ กล่าวว่า ในการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ส่วนนี้จะมีชุดประจำตัวของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว เป็นชุดกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ที่มาร่วมปฏิบัติ ซึ่งในการลงพื้นที่จะเสริมชุดเล็กจำนวน 5 นายอยู่แล้ว ขณะในส่วนของรัฐมนตรีเป็นเรื่องของหน่วยรักษาความปลอดภัยในทำเนียบฯ ต้องดูแล แต่ขณะนี้ยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดแจ้งขอรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม

รองโฆษก อสส.ระทึกรถถูกสะเก็ดระเบิดเสียหาย

เวลาประมาณ 13.30 น. มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดสามารถเก็บกู้ระเบิดลูกที่ 4 ได้สำเร็จ โดยใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมง และพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องเช่นเดียวกับ 3 จุดที่ระเบิดก่อนหน้านี้ที่พบลูกเหล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบของระเบิด อย่างไรก็ตาม หลังการกู้ระเบิดแล้ว ยังไม่เปิดการจราจรถนนที่เข้าสู่ศูนย์ราชการฯ เนื่องจากต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานก่อน  แต่เจ้าหน้าที่ให้ความมั่นใจว่าได้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบศูนย์ราชการฯ แล้ว ไม่พบระเบิดอีก

ทั้งนี้ภายในศูนย์ราชการฯ เจ้าหน้าที่ยังคงมาทำงานตามปกติ  ไม่ได้รู้สึกวิตกอะไร แต่เจ้าหน้าที่อาคารปิดประตูเข้า-ออก ฝั่งตะวันออก เนื่องจากเป็นจุดที่มีระเบิดลูกที่ 1 และ 2 จากทั้งหมด 4 ลูก โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า  2 ลูกแรกคือทางเข้า-ออก ของอาคารบีและระเบิดแล้ว จากนั้นห่างออกมาประมาณ 200 เมตร พบระเบิดลูกที่ 3 ซึ่งระเบิดแล้ว และพบลูกที่ 4  ที่ยังไม่ระเบิดจึงเก็บกู้ได้ จากที่เก็บกู้ได้พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องทั้งหมด เพราะมีลูกเหล็ก และน่าจะตั้งเวลา 

ส่วนระเบิดในจุดอื่น ๆ ที่ช่องนนทรี คือที่ลานจอดรถอาคารมหานคร – สวนหย่อมใต้รถไฟฟ้าบีทีเอส  และหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซอยศรีสมาน เป็นระเบิดแสวงเครื่องเช่นกัน มีเพียงที่จะพระราม 9 ที่เป็นระเบิดปิงปอง และพบปืน .38 อีก 1 กระบอก ซึ่งจุดที่เกิดระเบิดที่พระราม 9 ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับจุดอื่น ๆ แต่น่าจะเป็นการอาศัยสถานการณ์แล้วก่อเหตุผสมโรง 

ส่วนที่แจ้งว่าพบวัตถุต้องสงสัยที่ประตูด้านข้างของศาลปกครอง ล่าสุดเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงโทรศัพท์เก่าที่มีคนทิ้งไว้เท่านั้น

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีดักล่าวว่า อยู่ในเหตุการณ์โดยเวลาประมาณ 09.00 น.ขับรถผ่านบริเวณหน้าอาคารกองทัพไทยได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ตอนแรกคิดว่าเป็นยางรถระเบิด แต่ปรากฏว่าเมื่อรถเคลื่อนตัวต่อไป ตำรวจและวินมอเตอร์ไซค์ได้ตะโกนบอกให้กลับรถ เส้นทางข้างหน้าไปไม่ได้ มีระเบิดแล้ว 3 ลูก พอจะกลับรถบริเวณหน้ากองทัพไทยก็เกิดระเบิดขึ้นทางเลนด้านซ้าย ซึ่งตนขับช้าชิดซ้ายอยู่เเล้ว 

“หลังจากสิ้นเสียงระเบิดผมก็ลงมาตรวจสอบสภาพรถพบว่ารถถูกสะเก็ดรระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ตัวผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร  และหลังจากนำรถเข้าจอดที่อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจสอบหาวัตถุต้องสงสัยบริเวณรอบอาคารสำนักงานอัยการสูงสุดและบริเวณลานจอดรถ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุ

มท.1 ระบุยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติในต่างจังหวัด

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ได้พูดคุยกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้วให้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครในทุกเขต โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เช่น พนักงานรักษาความสะอาด ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ระมัดระวังสิ่งผิดปกติ หากพบสิ่งผิดปกติ ให้ประสานแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาดูแลสถานการณ์และตรวจตราในพื้นที่

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนในต่างจังหวัด ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติใด ๆ โดยช่วงบ่ายวันนี้ (2 ส.ค.) ตนจะออกคำสั่งกำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่งในการ ดูแลรักษาความปลอดภัย หากพบสิ่งผิดปกติต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

“พื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีสภาพพื้นที่ของชุมชนที่แตกต่างกัน จึงทำให้การดูแลมีความแตกต่างกันตามไปด้วย และผมหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่กระทบรายได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องไปสืบสวนสอบสวนจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ และหวังอีกว่าคนไทยด้วยกันคงไม่ทำร้ายประเทศชาติ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ ทั้งเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณกระทรวงมหาดไทย ได้มีการตรวจตราผู้ที่ผ่านเข้า-ออก อย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ  โดยมีการสั่งการจากอาสารักษาดินแดน ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณภายในกระทรวงมหาดไทย ผ่านทางวิทยุสื่อสาร ให้ทุกคนสังเกตสิ่งเเปลกปลอมและบุคคลต้องสงสัยอย่างละเอียด ห้ามประมาทอย่างเด็ดขาด และระมัดระวังอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เนื่องจากเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ และที่กระทรวงมหาดไทยมีการประชุมหารือและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งรัฐมนตรีทั้ง 3 คนและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเข้าร่วม

ที่มาเรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย [1] [2] [3] [4] [5] ข่าวสด NationTV

*ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2562 เวลา 19.55 น.

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net