Skip to main content
sharethis

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตือน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แนะให้ขอพระราชทานอภัยโทษทันที ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้จบเรื่องนี้ อย่าทำให้บานปลาย ประเทศชาติปั่นป่วน หากดีไม่ดีให้รอเลือกตั้งครั้งหน้า

5 ส.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ออกหนังสือเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในกรณีที่กล่าวคำถวายสัตย์ปฎิญาณไม่ครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 161 โดยเนื้อความในหนังสือดังกล่าวระบุว่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มักกล่าวอ้างเสมอว่า ตนเองเป็นผู้จงรักภักดี และยังพูดในสภาว่าได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญมาลาเข็มกล้ากลางสมร ดังนั้นจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ทบต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ อย่าจงรักภักดีเพียงคำพูดบนผลประโยชน์ที่ได้รับ ขอให้จงรักภักดีจากใจที่แท้จริงและกระทำบนจิตสำนึกที่จะต้องรับผิดชอบต่อประเทศ สถาบันและประชาชน

มาตรา 5 “การกระทำใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้” ตามที่คณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 161 จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายและปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที โดยกลับไปดำเนินการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญเสียก่อน

การกล่าวถ้อยคำถวายสัตย์ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญต่อพระมหากษัตริย์ โดยจงใจต่อเติมเสริมแต่งหรือตัดทอนข้อความออกไป ถือว่าเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพราะองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ตามมาตรา 6

จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ต้องกระทำการขอพระราชทานอภัยโทษทันที การที่ทราบเรื่องแล้วแต่กลับนิ่งเฉยไม่แยแสต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่มิบังควรต่อพระมหากษัตริย์ ทั้งยังเป็นเยี่ยงอย่างและบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง เป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยไม่อาจยอมรับได้

ขณะที่สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ในการถวายสัตย์ต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนไว้อยู่แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งข้อความที่กล่าวไปถือว่าเป็นข้อความที่ครอบคลุมทั้งหมดในการดูแลประชาชนคนไทยทั้งหมด 

“สิ่งสำคัญเป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งท่านรับสั่งมาอย่างนั้น ก็คือการทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญก็เพื่อประชาชนทั้งประเทศ ผมว่าเรื่องนี้จบดีกว่า อย่าให้บานปลาย และหลายคนก็เป็นทหารอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งก็ขอร้องแล้วกัน เคยเป็นพี่เป็นน้องกันมา อย่าให้การเมืองทำประเทศชาติปั่นป่วน ถ้าจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็ไปรอเลือกตั้งคราวหน้าแล้วกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวล หากฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวอภิปรายในสภา เพราะมีเรื่องที่น่ากังวลกว่านี้มากมาย การเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือกับบรรดารัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองต่าง ๆ การใช้จ่ายงบประมาณ  

“ทั้งหมดตอบสนองรัฐธรรมนูญที่เขียนกรอบกว้างๆ ไว้ หากมัวแต่ทะเลาะกันเรื่องรัฐธรรมนูญลูก ขอให้ไปดูกฎหมายลูกว่ามีอะไรบ้างเพราะกฎหมายลูกจะเป็นตัวบอกว่าจะทำให้การทำงานตามรัฐธรรมนูญนั้นเดินหน้าไปได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามสื่อว่าประเทศมีความขัดแย้ง มีความวุ่นวาย สื่อมีความสุขหรือไม่ อาจจะมีรายได้ดี แต่อย่าลืมว่าประเทศจะแย่ ขอให้รักประเทศตัวเองให้มาก ๆ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ผายมือไปยังพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก 

“คนเหล่านี้ทำงานเต็มที่ และเด็กรุ่นหลังก็ตามมาแล้วซึมซับสิ่งดีๆ ให้เขาคิดให้ออก ไม่ใช่คิดว่าผมมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นตัวอย่างกับคนอื่นทั้งสิ้น ทุกคนทราบเหตุผลอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากมาอยู่ตรงนี้หรอก แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นจะต้องย้อนกลับไปกลับมาให้ดี ถ้าจะเอาวันนี้ย้อนกลับไปในวันอื่น ๆ ไม่อย่างนั้นจะเดินหน้าอะไรไม่ได้สักอัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมว่า กรณีที่มีการถกเถียงกันอยู่นี้ สืบเนื่องจากการที่ปิยบุตร แสงกนกกุล เบขาธิการพรรคอนาคตใหม่ได้ ตั้งคำถามในวาระการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยปิยบุตรชี้ว่า จากรายงานข่าวในพระราชสำนักการนำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้าปฎิญาณหน้าที่อย่างเป็นทางการ พบว่าในคลิปข่าวที่มีการนำเสนอนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้กล่าวคำปฎิญาณตนครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 161

รัฐธรรมนูญ 2560

มาตรา 161 ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา ดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

โดยในคลิปข่าวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงแค่ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนตลอดไป” ซึ่งไม่ได้กล่าวว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ทั้งนี้ปิยบุตรได้ตั้งคำถามว่า เมื่อการกล่าวคำปฎิญาณตนไม่ครบถ้วน สุดท้ายแล้วคณะรัฐมนตรีได้เข้าทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ และเห็นว่า กรณีไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะยอมกันได้ง่ายๆ เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ สามารถตัดถ้อยคำในคำถวายสัตย์ฯ ได้ นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก็สามารถตัดถ้อยคำในคำถวายสัตย์ฯ ได้เช่นกัน โดยไม่มีความผิดอะไรเลย

ปิยบุตร กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ทักท้วงเรื่องนี้ ไม่ได้ต้องการที่จะให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือล้มรัฐบาล แต่เพียงแค่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า หากผิดพลาด ก็ยอมรับว่าผิดพลาด แล้วก็แก้ไข โดยอาจจะขอพระบรมราชานุญาต เพื่อพาคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ฯ ใหม่ แต่ไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้คลุมเครือ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net