มท.1 กำชับคนทำความสะอาดถนนเฝ้าระวังระเบิด ผบ.ทบ.ระบุมีคนวางแผนแต่ยังไม่ชัดว่าเป็นใคร

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แฟ้มภาพเว็บไซต์รัฐบาลไทย

6 ส.ค. 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่กระทรวง​มหาดไทยให้มีการติดตามสถานการณ์ และเตรียมแผนเฝ้าระวังพื้นที่ โดยต้องกำหนดมาตรการในการดูแลพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานอื่น และโดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นอยู่ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดให้เฝ้าระวังพื้นที่​ รวมถึงเตรียมการว่าหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะต้องประสานหน่วยงานอื่น หรือพบวัตถุต้องสงสัยขอให้ประสานงานกับอีโอดีอย่างรวดเร็ว โดยจนถึงขณะนี้​ตนก็ยังติดตามสถานการณ์อยู่ แต่ยังไม่พบข้อผิดปกติแต่อย่างใด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แฟ้มภาพเว็บไซต์รัฐบาลไทย

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ว่า การสืบสวนสอบสวนของคดีมีความก้าวหน้าและเจ้าหน้าที่สามารถการจับกุมได้เรื่อยๆ ส่วนรายละเอียดขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง  

“เบื้องต้นกลุ่มที่เข้ามาก่อเหตุมาจากจังหวัดชายแดนใต้ แต่ยังไม่ทราบว่าเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและยังไม่ตัดประเด็นใดออก ยอมรับว่าต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานทั้งผู้ก่อเหตุและที่มาของระเบิด เนื่องจากเกิดขึ้นหลายจุด” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเดินทางไปเป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนาหน่วยงานในกองบัญชาการกองทัพบก 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมกำลังพลทหารบก, กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก, กรมสารบรรณทหารบก และสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ครบรอบปีที่ 67 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นพิธีว่า การให้ข่าวทางโซเชียลและสื่อต่างๆ ต้องอ้างอิงจากตำรวจ โดยเฉพาะการให้ข่าวต้องติดตามการแถลงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่ามโนกันไปเอง เพราะมีคนทั้งชอบและไม่ชอบก็ต่างมโนกันไป ซึ่งโซเชียลหรือข่าวปลอมมีอิทธิพลมาก ทั้งนี้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บอกแล้วว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นอย่างไร ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน อีกทั้งบางครั้งข่าวที่ออกมาก็ยังไม่ผ่านการแถลงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถือเป็นหน่วยงานหลัก เนื่องจากตอนนี้ไม่มีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) แล้ว ทางทหารจะรับผิดชอบเฉพาะงานด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รมน.)ปกติ เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีที่ควบคุมหน่วยงานด้านความมั่นคงจะเป็นผู้สั่งการในงานของทหารและตำรวจ โดยวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนตนก็จะต้องไปดูเรื่องการวางกำลังและการจัดกำลังใหม่กับแม่ทัพภาคที่ 4 ในการดูแลประชาชน 

 "ผมเคยพูดตั้งแต่สมัยเป็นแม่ทัพภาพที่ 1 ในคำว่า neighbor watch ตามหลักคือในส่วนของเพื่อนบ้าน เราต่างคนต่างดู แต่นี่คือบ้านเรา ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันดู ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบวัตถุต้องสงสัยต้องช่วยกันดูแล แต่ข่าวต่างๆที่ออกมาก็เบี่ยงเบนประเด็นบ้าง เพื่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลก็ทำงานไปได้ด้วยดีแล้ว แต่เพิ่งทำงานไม่กี่วันก็มีเหตุระเบิด ผมขอร้องสื่อมวลชนให้ถามคำถามในเชิงสร้างสรรค์ หรืออย่าทำให้เกิดการตีความ เพราะบางข่าวพูดอีกอย่างแต่เสนออีกอย่าง หรือมีการตัดตอนข่าว หากเป็นอย่างนี้การสัมภาษณ์ก็ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ไม่มีใครที่ไม่อยากเห็นประเทศตัวเองไม่สงบเรียบร้อย ผมอยากให้ฟังข่าวสารจากความมั่นคงที่ถูกต้องเป็นหลัก" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลพยายามตั้งศูนย์ในการต่อต้านเฟคนิวส์หรือข่าวปลอมขึ้นมา ซึ่งหลายประเทศเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากในการต่อต้าน โดยมีระบบให้ความรู้กับประชาชน เพราะประชาชนทุกคนถือว่ามีสิทธิ์มีเสียงและมีไมโครโฟนเป็นของตัวเอง นั่นคือโทรศัพท์มือถือ ที่จะสามารถกดอะไรก็ได้ อยู่ที่วิจารณญาณ และจริยธรรมในตัวของตัวเองในสิ่งที่ตัวเองส่งไป ขอให้ตระหนักถึงการรับและแชร์ข้อมูล โดยขอให้ฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่เป็นหลัก ปัจจุบันมีการฟ้องกันเรื่องนี้มากขึ้น ดังนั้นเรื่องความสงบเรียบร้อย และเรื่องระเบิด ขอให้ติดตามการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก อย่าไปติดตามอะไรที่ไม่มีที่มาที่ไป

เมื่อถามว่า สาเหตุของการก่อเหตุจะเกิดจากสิ่งใด พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า สาเหตุเพราะต้องการทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น เนื่องจากเกิดเหตุในช่วงที่บ้านเมืองมีผู้นำต่างประเทศมาประชุมงานด้านการต่างประเทศ ซึ่งเราก็เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในการประชุมอาเซียนเมื่อปี 52 ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่จ.ภูเก็ต และที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตนก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นมาตลอด วัตถุประสงค์ของการดิสเครดิตต่างๆ ของรัฐบาลเกิดจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งตนไม่อยากบอกว่าเป็นฝ่ายใด แต่เชื่อว่าคนดีๆ เขาไม่ทำกัน และถามว่ารัฐบาลจะทำร้ายตัวเองเพื่ออะไร เพราะรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี มีเรื่องต่างๆที่จะต้องแก้ไข เพื่อนำพาประเทศชาติก้าวข้ามออกไปอีกมามาย รวมถึงต้องควบคุมคณะรัฐมนตรี ที่มาจากหลายพรรคการเมือง ถือเป็นเรื่องการเมืองที่ไม่เกี่ยวกับตน ในส่วนของตนก็จะดูแลด้านความมั่นคง และดูแลทหารเป็นหลัก ซึ่งตนเพิ่งหารือกับเสนาธิการทหารบกและเจ้ากรมยุทธการทหารบกมาพูดคุยเรื่องการปรับแผนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้

เมื่อถามว่า กลุ่มเดิมๆ ที่เคยระบุไว้ ทางฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามความเคลื่อนไหวคนกลุ่มนี้ตลอดเวลาหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ยังไม่สามารถเชื่อมโยงไปถึงคนท่ีบ่งการหรือวางแผนทุกอย่างด้วยหลักกลยุทธ์และยุทธวิธีเพื่อให้มีคนไปดำเนินการปฎิบัติ ซึ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการ คนที่บงการส่วนใหญ่จะสืบไปถึงตัวได้ยาก ทำให้เราได้แต่คาดเดา และต้องใช้เวลาในการหาหลักฐาน ซึ่งขณะนี้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปฎิบัติงานได้เป็นอย่างดี และตอบสนองนายกรัฐมนตรีได้ ในส่วนของกองทัพบกให้การสนับสนุนเรื่องข้อมูลข่าวสารที่เคยรวบรวมไว้ แต่กลุ่มเดิมที่ตนหมายถึงก็คือกลุ่มเดิมที่เป็น มาสเตอร์มาย (Mastermind) หรือผู้อยู่เบื้องหลังนั้นมีความคิด “ที่จะก่อเหตุในทุกรูปแบบ” ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการทำระเบิดหรือการทำข่าวปลอม ก็ถือเป็น “การบ่อนทำลายประเทศ” อีกแบบหนึ่งเหมือนกัน

เมื่อถามว่า ใช่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวหา ตนไม่ได้อยู่ในฐานะนักการเมือง เนื่องจากตอนนี้ไม่มีคสช. แล้ว ตนพูดในส่วนของความมั่นคงไม่ได้อ้างอิงเกี่ยวกับการเมือง แต่เราก็คนไทยด้วยกันหากประเทศเดินไปได้ในทุกเรื่องก็น่าจะเกิดความเรียบร้อย แต่การที่ยังมีคนวางแผนบงการ มีความคิดที่ไม่ยอมรับและไม่เคารพกติกา ตอนนี้ก็ขอให้ไปเล่นกันในสภาฯ

เมื่อถามว่า ผู้วางแผนหรือผู้บงการนั้นอยู่ในหรือนอกประเทศ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า มันอยู่ได้ทุกที่ ทุกหนทุกแห่งในโลกหรืออาจจะอยู่ในโลกออนไลน์ก็ได้ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนให้เป็นหูเป็นตาดูแลบ้านของทุกคน หากเห็นวัตถุต้องสงสัยก็ขอให้แจ้งมา เพราะประชานถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุด เราต้องช่วยกันดูแลบ้าน เพราะประเทศไทยคือบ้านของพวกเราทุกคน

เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย , มติชนออนไลน์ , คมชัดลึกออนไลน์ , ข่าวสดออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท