'ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า' ขอเป็นโจทก์ร่วมฟ้อง 2 นปช.ขว้างระเบิดใส่จนเสียชีวิต ช่วงสลายม็อบแยกคอกวัวเดือน เม.ย.ปี 53 ศาลนัดตรวจหลักฐาน 6 ก.ย.นี้ ด้านทนายจำเลยยันจำเลยบริสุทธิ์ ระบุฟ้องบอกใช้ระเบิดขว้าง แต่หลังเกิดเหตุ ศอฉ. แถลงยิง M79

7 ส.ค.2562 เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 703 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีคนร้ายขว้างระเบิดใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารระหว่างการสลายชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. 10 เม.ย.53 คดีหมายเลขดำ อ.857/2562 พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง สุขเสก หรือเสก พลตื้อ อายุ 42 ปี อดีต นปช. และ  พรกมล บัวฉัตรขาว หรือ กนกพร ศิริพรรณาภิรัตน์ อดีตผู้ดำเนินรายการทีวีสถานีประชาชนเอเชียอัพเดท เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินผู้อื่น จนเป็นเหตุบุคคลถึงแก่ความตาย และร่วมกันผู้อื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา 221 , 224 , 288 , 289 ประกอบมาตรา 32 , 33 , 80 , 83 , 86 , 91 , ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ หรือนำเข้าอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ , ร่วมกันใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดฯ ตามพ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4 , 6 , 7 , 55 , 72 ,78

โดยในวันดังกล่าวจำเลยทั้งสอง ก็เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ขณะที่ นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของพล.อ.ร่มเกล้า 1 ในนายทหารที่เสียชีวิต ได้เดินทางมาศาลพร้อมทนายความเพื่อยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ด้วย

ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองเข้าใจแล้วสอบคำให้การจำเลย สุขเสก จำเลยที่ 1 และ  พรกมล หรือกนกพร” จำเลยที่ 2 ก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนการตรวจหลักฐานเนื่องจากมีพยานเอกสารค่อนข้างมากทนายความจำเลยจึงขอเวลาตรวจศึกษาก่อน ทนายความจำเลยจึงขอให้เลื่อนนัดตรวจหลักฐานวันนี้ออกไปก่อน ซึ่งศาลพิจารณาแล้ว กำหนดนัดตรวจหลักฐานอีกครั้ง ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ทนายยันจำเลยบริสุทธิ์ ฟ้องบอกใช้ระเบิดขว้าง แต่ศอฉ. แถลงยิง  M79

วันนี้ (7 ส.ค.2562) วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลยและ เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คว่า  วันจันทร์ที่ผ่านมา สกสส. มาทำคดีนี้ ในฐานะทนายจำเลยทั้งสอง เราขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของจำเลยทั้งสองที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำตามฟ้อง การตายเกิดจากระเบิดขว้างชนิดหนึ่ง แต่ทหารหลายนายผู้อยู่ในเหตุการณ์และนักการเมือง ตลอดจน ศอฉ. เคยแถลงข่าวว่าเกิดจากยิงระเบิด M79 จุดนี้เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในศาล

เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับญาติผู้เสียชีวิตทุกฝ่าย คดีความตายของทหารที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ตาม คำสั่ง ศอฉ. เมื่อเมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สั่งฟ้องแล้ว จำเลยเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยข้อเท็จจริงในสำนวนจากการสอบสวนของดีเอสไอ จะรับฟังได้แค่ไหน ว่ากันต่อไป

"แต่อีกฝ่ายที่เป็นญาติของประชาชน ที่ชุมนุมและผู้เป็นเจ้าหน้าที่จิตอาสาพยาบาลคดีกลับไม่คืบหน้า บางคดีเสมือนถูกจำกัดสิทธิโดยข้อกฎหมายและผลของคำวินิจฉัย ญาติผู้เสียชีวิตได้กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมฯ และผู้เกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งทุกระดับ ดีเอสไอทำอะไรอยู่ ผมในฐานะทนายความที่ทำคดีหลายคดีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ปี 2553 และทำคดีนี้ด้วย จึงเห็นว่า ญาติผู้เสียชีวิตจะต้องได้รับความเป็นธรรม และดีเอสไอควรจะใช้อำนาจให้เกิดความยุติธรรม อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร" วิญญัติ โพสต์

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเพิ่มเติว่า คดีนี้อัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 28 มี.ค.62 บรรยายพฤติการณ์สรุป ระหว่างวันที่ 15 พ.ย.2552 -20 พ.ค.2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน กลุ่ม นปช. ได้ร่วมกันชุมนุม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เพื่อเรียกร้องให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน แล้วเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2553 อภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม.และได้ออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนายการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุม บริเวณ ถ.ราชดำเนินกลาง ตั้งแต่บริเวณแยกคอกวัว มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เวลากลางคืน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ได้ปฏิบัติหน้าที่ ศอฉ. ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุม บริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ  สุขเสก จำเลยที่ 1 กับพวกอีก 1 คนที่หลบหนี ได้ร่วมกันกระทำผิด และมี  พรกมล หรือ กนกพร จำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุน โดย สุขเสก” จำเลยที่ 1 กับพวก ร่วมกันมีลูกระเบิดขว้าง ชนิดสังหารแบบ 88 บ.67 (US HAND GRENADE FRAGMENTATION M 67) ผลิตจากประเทศอเมริกา รวมจำนวน 6 ลูกที่อยู่ในสภาพใช้ทำการระเบิดได้หากระเบิดขึ้นสามารถทำอันตรายต่อร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตลอดจนทรัพย์สินเสียหายได้ในรัศมีฉกรรจ์ ประมาณ 10-15 เมตร อันเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้ไม่ได้ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (2522) ข้อ 3 ที่ออกตามความ พ.ร.บ.อาวุธฯ โดย พรกมล หรือกนกพร จำเลยที่ 2 ได้กระทำการอันเป็นการช่วยเหลือ ให้การสนับสนุน สุขเสก” จำเลยที่ 1 กับพวกทั้งก่อนและขณะกระทำความผิด ในการจัดหาลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารตามฟ้องและด้านการเงิน ซึ่งการกระทำของ สุขเสก จำเลยที่ 1 กับพวกที่ได้ร่วมกัน มีเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย และปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณด้านหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ด้วยการเตรียมลูกระเบิดขว้างซึ่งวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า และร่วมกันใช้ลูกระเบิดขว้าง ชนิดสังหารแบบ M 67 ที่ สุขเสก จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันมีไว้เป็นอาวุธขว้างไปด้านหน้า ร.ร.สตรีวิทยา บริเวณที่เจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่ จำนวน 2 ลูก โดยลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารดังกล่าวที่จำเลยที่ 1 กับพวกขว้างใส่เจ้าหน้าที่ทหารได้เกิดระเบิด ทำให้บริเวณพื้น ถ.ดินสอ เป็นหลุมจำนวน 2 หลุม โดยสะเก็ดระเบิดกระเด็นไปรอบทิศทางถูกอวัยวะสำคัญของเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 5 นาย ประกอบด้วย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (หรือ เสธ.เปา) อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ , ส.ท.ภูริวัฒณ์ ประพันธ์ , ส.ท.อนุพงศ์ เมืองอำพัน , ส.อ.อนุพนธ์ หอมมาลี และพลทหารสิงหา อ่อนทรง (ยศ-ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) ถึงแก่ความตาย และยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอีกหลายนาย ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสะเก็ดระเบิดไม่ถูกอวัยวะสำคัญและแพทย์ทำการรักษาทันท่วงที อาทิ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ. , พ.อ.ธรรมนูญ วิถี , ส.อ.กษิดิษฐ์ บัวสุข (ยศ-ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) เกิดที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. และ ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม เกี่ยวพันกัน