ปัญหา “กลิ่น”กับ “เส้น”ในชนชั้นปรสิต

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ตามความเชื่อทางวิชาการแบบหนึ่ง คำว่าปรสิตหมายถึงคนรวยเพราะความมั่งคั่งของคนรวยนั้นเมื่อสืบสาวลงไปจะพบว่ามาจากการทำงานหนักของคนจนเสมอ

************

ในภาพยนตร์เรื่องชนชั้นปรสิต (parasite) มีตัวละครหลัก 3 กลุ่มคือกลุ่มเจ้าบ้าน กลุ่มผู้อาศัยและกลุ่มผู้รับจ้าง

ภายใต้สถานการณ์ปกติ คน 3 กลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่มีความขัดแย้งกันกระทั่งถ้อยทีถ้อยอาศัยต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เจ้าบ้านผู้มั่งคั่งแต่ขาดความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องอาศัยผู้อาศัยกับผู้รับจ้างอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาเรื่องบ้าน อาหารและลูกๆ ในขณะเดียวกันผู้อาศัยก็รู้สึกว่าตนเองผูกพันกับบ้าน การทำงานรับใช้เจ้าบ้านถือเป็นความสุขและนับเป็นบุญคุณ ส่วนผู้รับจ้างนั้นทำงานให้เจ้าบ้านแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทน

บ้านหลังนี้สงบสุขมานาน ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าบ้านกับผู้อาศัยเป็นไปได้ด้วยดีภายใต้การสนับสนุนของผู้รับจ้าง จนกระทั่งมีผู้รับจ้างกลุ่มใหม่เข้ามาทำงานแทนผู้รับจ้างกลุ่มเดิม

ผู้รับจ้างกลุ่มใหม่แตกต่างกับผู้รับจ้างกลุ่มเก่า ผู้รับจ้างกลุ่มเดิมนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ที่อยู่ในระนาบเดียวกันกับผู้อาศัยทั้งในเรื่องการศึกษา กิริยามารยาทและที่สำคัญคือทัศนคติที่มีต่อเจ้าบ้านในลักษณะรู้ที่ต่ำที่สูง ในขณะที่ผู้รับจ้างกลุ่มใหม่นั้นมีการศึกษา กิริยามารยาทและทัศนคติไปในทิศทางที่แตกต่าง นั่นคือแม้ว่าพวกเขาจะยอมรับเจ้าบ้านในเรื่องความสามารถในการหาเงิน และเข้าใจดีกว่าพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้เพราะงานที่เจ้าบ้านมอบให้ แต่พวกเขาไม่มีความคิดและเห็นความจำเป็นที่จะเคารพเทิดทูนเจ้าบ้าน 

ลูกจ้างกลุ่มใหม่ทำงานในบ้านโดยปราศจากปริญญาบัตรหรือใบรับรอง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องตลบตะแลงในเรื่องนี้เพื่อเข้าถึงโอกาสที่พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาจะมีความสามารถก็ตาม

ทว่าการสวมทับคราบมนุษย์ประกาศนียบัตรเพื่อให้เข้าถึงรายได้ของพวกเขาก็ไม่ใช่และไม่เป็นชนวนปัญหา
 การโกหก การขโมย กามา สุรายาเสพติด ความวิปริตทางเพศตลอดจนความรุนแรงไม่ใช่ความผิดบาปในตัวมันเอง เจ้าบ้าน ผู้อาศัยและผู้รับจ้างต่างพัวพันกระทำการและชมชอบในเรื่องเหล่านี้พอๆ กัน 

สิ่งเหล่านี้จะเป็นความผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกลุ่มเจ้าบ้าน และเมื่อกลุ่มเจ้าบ้านตัดสินว่ามันเป็นปัญหาเมื่อนั้นสถาบันต่างๆ จึงจะเริ่มทำงานตรวจสอบเอาจริงเอาจังเพื่อไล่เบี้ยเอาผิดกับกลุ่มผู้รับจ้าง
เรื่องเริ่มจะตึงเครียดเมื่อกลุ่มผู้รับจ้างล่วงล้ำเข้าอาณาเขตสงวนของเจ้าบ้านด้วยการสำรวจตรวจตราแสดงออกสังเกตเรื่องราวส่วนตัวเบื้องลับของเจ้าบ้านและเริ่มมีความคิดที่อยากจะขอแบ่งส่วนความเป็นเจ้าของบ้านจากเจ้าบ้าน

ปราการแรกที่ตั้งป้อมต่อต้านการล่วงล้ำนี้คือผู้อาศัย

กลุ่มผู้อาศัยนั้นใช้เวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ยาวนานกว่าและมากกว่าเจ้าบ้าน พวกเขาพอใจสถานะความเป็นคนของบ้าน ภูมิใจที่ได้รับใช้อย่างซื่อสัตย์ รักในเครื่องแบบ ขยันติดตามจัดระเบียบสอดส่องความเป็นไปในบ้านเพื่อความพึงพอใจของเจ้าบ้าน จุดเด่นของพวกเขาที่เจ้าบ้านพึงพอใจมากคือการสอดส่องความเป็นไปของเจ้าบ้านโดยไม่ละเมิดล่วงล้ำเส้นที่เจ้าบ้านขีดเอาไว้โดยไร้เสียงและอักษร 

ผู้อาศัยนี่แหละที่โมโหโกรธแค้นผู้รับจ้างที่เข้ามาทำงานรับใช้เจ้าบ้านอย่างไร้ “จริยธรรม” และไม่สำนึกบุญคุณเจ้าบ้านเหมือนพวกเขา พวกเขาทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้รับจ้าง “สุขสบาย” ในบ้านโดยไม่ขยันอดทนซื่อตรงจงรักภักดี

อย่างไรก็ตามมิใช่ว่าจะไม่มีความขัดแย้งระหว่างผู้รับจ้างกับเจ้าบ้าน อันที่จริงความขัดแย้งระหว่างคู่นี้รุนแรงฝังลึกและถูกปกปิดไว้ด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ทำงานอย่างซับซ้อนไม่ว่าจะเป็นกำลัง เงินตราหรือวัฒนธรรม

ตัวอย่างหนึ่งที่ปรากฎในภาพยนตร์คือบทสนทนาภายในกลุ่มผู้รับจ้างในบ้านเจ้าบ้าน ตัวละครคนหนึ่งตั้งคำถามว่า “ความใจดีมีเมตตาของเจ้าบ้านนั้นเป็นเพราะมีเงินถึงใจดีได้ใช่ไหม?” ใช่หรือไม่ว่าสิ่งต่างๆ ที่เจ้าบ้านมอบให้กับผู้อาศัยและผู้รับจ้างซึ่งภายนอกถูกรับรู้ในฐานะอัธยาศัยไมตรีอันดีแต่เนื้อแท้แล้วเกิดขึ้นได้เพราะฐานะทางเศรษฐกิจอันมั่งคั่งและเหลื่อมล้ำ

คนไม่มีเงินแม้มีคนยืนฉี่หน้าบ้านก็ยังต้องลืมตาดูเงียบๆ รอจนเริ่มมีเงินนั่นแหละจึงจะมีความกล้าออกไปส่งเสียงไล่

อีกตัวอย่างหนึ่งคือกลิ่น นี่เป็นวิธีการจำแนกความแตกต่างระหว่างคนกลุ่มต่างๆ ได้อย่างชัดเจนเรียบง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง กลิ่นที่แตกต่างกันนี้มิได้เกิดจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายหรือเสื้อผ้าแต่เป็น “กลิ่นชีวิต” ที่แตกต่างกันของคนที่มีสภาพความเป็นอยู่แตกต่างกัน

นอกจากกลิ่นจะเป็นเครื่องจำแนกกลุ่มคนกลิ่นยังทำหน้าที่แสดงความสัมพันธ์อันแท้จริงระหว่างเจ้าบ้านกับผู้รับจ้าง ภายนอกแม้ว่าเจ้าบ้านจะแสดงความใจดีต่อผู้รับจ้างแต่ในความเป็นจริงพวกเขารังเกียจกลิ่นของผู้รับจ้าง
ปัญหาเรื่องความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างเจ้าบ้านกับผู้รับจ้างที่ปิดไม่มิดจนส่ง “กลิ่น” ทำให้ความสัมพันธ์อันราบรื่นกลายเป็นคลื่นความขัดแย้งรุนแรงและจบลงด้วยโศกนาฏกรรม

เมื่อกลิ่นที่เจ้าบ้านรังเกียจเป็นกลิ่นชีวิต การจะขจัดกลิ่นที่พวกเขารังเกียจให้หมดสิ้นไปจึงหมายถึงการเปลี่ยนวิถีชีวิต ปัญหาอยู่ที่ว่าวิถีชีวิตที่เจ้าบ้านต้องการให้ผู้คนรอบตัวรับไปนั้นอาจจะไม่ใช่วิถีชีวิตที่ผู้อื่นต้องการ 

ปัญหานี้ “ความเมตตา” ของเจ้าบ้านไม่สามารถบรรเทาลงได้เพราะเจ้าบ้านพร้อมที่จะระงับความเมตตาเปลี่ยนท่าทีจากมิตรเป็นนายทันทีที่เจ้าบ้านได้กลิ่นหรือประเมินว่าถูกล้ำเส้น 

เจ้าบ้านเป็นผู้กำหนดว่าใครอยู่ตรงไหน ใครควรพูด ใครไม่ควรพูด อะไรที่พูดได้และอะไรที่ไม่ให้พูด เมื่อกลิ่นมีปัญหาจากพื้นที่ที่ขยับใกล้เข้าหากันและเส้นที่ว่าเป็นเรื่องของการพูด รากฐานของปัญหากลิ่นกับเส้นจึงมิใช่อะไรอื่นนอกจากปัญหาสิทธิเหนือพื้นที่และเสรีภาพในการพูด 

เมื่ออยู่ห่างก็ไม่ได้กลิ่น เมื่อไม่พูดก็ไม่ล้ำเส้น

บ้านที่สงบจึงเป็นบ้านที่ความฝันของคนข้างล่างมีเพดานอันวางไว้โดยมือเจ้าบ้านและค้ำยันโดยผู้อาศัย

ความขัดแย้งนี้มิใช่ปัญหาเฉพาะบุคคล เมื่อเจ้าบ้านคนเก่าเสียชีวิตก็จะมีเจ้าบ้านคนใหม่มาแทนรวมทั้งสถาบันต่างๆ ที่ทำงานค้ำยันเพดานนั้นก็ยังคงอยู่ ทางเลือกในชีวิตของผู้รับจ้างที่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่อไปอาจจะมี 2 ทางที่พอจะทำได้จริงคือ หนึ่งปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้อาศัยโดยยอมรับเงื่อนไขข้อจำกัดในการใช้ชีวิตในบ้านของเจ้าของบ้าน และสอง ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมีเงินซื้อบ้านหลังนั้น
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท