Skip to main content
sharethis

ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่แถลงวันนี้ยังอยู่เป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ยอมรับว่ามีความอึดอัดในการทำงานเพราะมีการพูดคุยแต่เรื่องการเมือง ซึ่งทางพรรคไม่คิดว่าจะทำให้ประชาชนอิ่มท้องได้ พร้อมขอฝ่ายค้านอย่าใช้ชื่อ 7 พรรค หากต้องการใช้ให้มาคุยกันก่อน ยันพรรคต้องการเอกสิทธิในการแสดงความเห็น

21 ส.ค. 2562 ที่รัฐสภา เกียกกาย  มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ แกนนำพรรคเศรษฐกิจใหม่ พร้อมด้วย สุภดิช อากาศฤกษ์, นิยม วิวรรธนดิฐกุล, ภาสกร เงินเจริญกุล, มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ และมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ได้แถลงถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ จะย้ายไปร่วมกับรัฐบาล

มิ่งขวัญ ระบุว่า เมื่อสองวันที่แล้วมีข่าวออกมาว่าพรรคเศรษฐกิจจะย้ายขั้วไปร่วมรัฐบาล โดยมีบางคนที่จะไปร่วมรัฐบาล และมีบางคนที่จะอยู่กับฝ่ายค้านเหมือนเดิม จึงต้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นข่าวลือ ซึ่งไม่รู้ว่ามีที่มาจากไหน อย่างไรก็ตามต้องบอกด้วยว่า เมื่อวานนี้มีนักข่าวไปถามนิยมว่าจะย้ายขั้วหรือไม่ โดยนิยมได้ตอบนักข่าวไปว่า ตัวท่านเอง กับตน ยังอยู่ แต่อีก 4 คนไม่ทราบต้องไปถามเจ้าตัวเอง ซึ่งเมื่อพูดอย่างนี้ก็กลายเป็นว่ามีการตีข่าวว่า อีก 4 คนที่เหลือจะไปร่วมรัฐบาล ซึ่งข้อเท็จจริงคือ ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ทั้ง 6 คนยังอยู่กับฝ่ายค้าน

สุภดิช กล่าวด้วยว่า อุดมการณ์หลักของพรรคคือ 1.รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2.การแก้ปัญหาปากท้อง แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน และ 3.ไม่ต้องการความขัดแย้งหรือทะเลาะกับใคร ส่วนแนวทางของพรรคเองก็มุ่งเน้นที่อุดมการณ์ทั้งสามข้อนี้เสมอไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม และการตัดสินใจอะไรก็ตามจะมาจากมติพรรคทุกครั้ง

สุภดิช กล่าวต่อว่าพรรคยังยืนยันว่า ยังเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องที่พรรคยึดตามอุดมการณ์ อาจจะไม่สอดคล้องกับแนวทางของฝ่ายค้านอีก 6 พรรค ซึ่งพรรคก็ไม่อาจไปร่วมหรือลงมติด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเอกสิทธิของพรรคเศรษฐกิจใหม่

ภาสกร กล่าวด้วยว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ ต้องการการทำงานแบบใหม่ และเห็นว่าหลังจากที่สภาเปิดมา 2 เดือนแล้วก็ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในสภาบ้าง จึงต้องการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า สภาประกอบไปด้วย ส.ส. ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ซึ่งในทาหลักการควรจะมีการทำงานร่วมกัน ถึงจะอยู่คนละฝั่งก็ตาม

“ถึงเราจะอยู่ฝ่ายค้านแต่ก็เรียนให้ทราบว่า เรามีความอึดอัดของเราเหมือนกัน เพราะอย่างที่ท่านหัวหน้าพรรคได้เรียนไปแล้วว่า เรามีอุดมการณ์ของเรา เรามีเอกสิทธิที่จะออกเสียงตามระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญที่ได้เขียนกันมา จะพอใจไม่พอใจก็เป็นสิ่งที่ประชาชนเขาออกกันมาแล้ว เดี๋ยวจะแก้ มันก็ต้องแก้ แต่เรียนว่ามีปัญหาบางอย่างที่ทำให้การทำงานของเราไม่ราบรื่น มีหลายเรื่องที่เกี่ยวกับประชาชนเรื่องปากท้องต่างๆ ไม่ได้มีการพูดถึง แล้วก็พูดแต่เรื่องการเมือง ผมเชื่อว่าการเมืองวันนี้ไม่มีทางมีเสถียรภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ และถ้ามีเสถียรภาพแล้ว ก็ต้องถามว่าประชาชนอิ่มท้องไหม ผมไม่คิดว่าแก้แล้วจะอิ่มท้อง” ภาสกร กล่าว

ภาสกร มองว่าควรจะมีพรรคการเมืองที่สามารถออกเสียงและแสดงเอกสิทธิได้ ไม่ใช่เพียงการมานั่งคุยกันในเรื่องที่ไม่ได้ทำให้ประชาชนอิ่มท้องได้ บางครั้งจะมีการพูดว่า 7 พรรค แต่บางเรื่องทางพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็ไม่ได้เห็นด้วย จึงไม่อยากให้เหมารวมในลักษณะนั้น

“หากพรรคฝ่ายค้านอยากให้ใช้ว่า 7 พรรคก็มาคุยกันครับ อย่ามาใช้ชื่อเราโดยที่เราไม่เห็นชอบ ก็ควรปรึกษาเรานิดหนึ่ง ผมว่าจะเป็นภาพที่ทำงานร่วมกัน ฝ่านรัฐบาลก็เหมือนกันก็ต้องฟังฝ่ายค้านด้วย และเอาไปคิด พรรคผมก็ไม่ได้เก่งมากกมาย พูดวันนี้ก็ไม่คิดออกจากมันสมองร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมก็ฟัง ผมก็อ่านมาเหมือนกัน อยากให้ฝั่งการเมืองมองพรรคใหม่ๆ แม้พรรคเราจะมี 6 คน แต่ก็อยากมีเอกสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ไม่อยากลากผมไปอยู่มุมไหนมุมหนึ่ง” ภาสกร กล่าว

มิ่งขวัญกล่าวด้วยว่า มีหนึ่งคำถามที่ถูกถามตลอดคือ จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่าหากใช้ไปแล้วมีปัญหาก็ค่อยมาแก้ไข แต่หมวดเดียวที่จะขอร้องว่าไม่แตะต้องคือ หมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net