พุทธิพงษ์ รมว.ดีอี ระบุตั้ง 'ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม' ตรวจสอบและกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารให้ประชาชน เผยผู้บริหารของไลน์ยินดีหนุน อีกทั้งภายใน 2 สัปดาห์ ดำเนินคดีคนสร้างข่าวปลอม ขณะที่เปิดเฟคนิวส์สำคัญในรอบปีพิสูจน์ดีอีจะเอาผิดฝั่งไหน
ที่มาภาพ เพจ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
23 ส.ค.2562 เว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์ รายงานว่า มาตรการจัดากรเฟคนิวส์ (ข่าวปลอม) ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอี เปิดเผยงานเสวนาเรื่องบลูลีอิ้ง แอนด์ เฟคนิวส์ ทันเกมสารพัดพิษออนไลน์สังคมไทย ว่า ในอดีตเฟคนิวส์มีไม่มากอย่างทุกวันนี้ เพราะสื่อมวลชนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเที่ยงตรง และมีจรรยาบรรณ แต่เมื่อโซเชียลมีเดียเกิดขึ้น และมีผู้เข้ามาจึงเกิดข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก ฉะนั้น จึงเป็นที่มาของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (เฟคนิวส์ เซ็นเตอร์) ที่กระทรวงดีอีพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารให้ประชาชน
พุทธิพงษ์ กล่าว ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามกระบวนการสร้างเฟคนิวส์อย่างต่อเนื่อง โดยในเร็วๆ นี้จะมีการดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ทำเฟคนิวส์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย จากการติดมาระยะหนึ่งพบว่า มีกระบวนการที่เอาผิดได้ โดยเป็นการทำผิดที่ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ โดยการดำเนินคดีจะดำเนินการภายใน 2 สัปดาห์จากนี้
รมว.ดีอี ระบุว่า ดีอี ตั้งเป้าว่าการจัดตั้งศูนย์จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมกับเปิดช่องทางเว็บไซต์ ไลน์ และเพจเฟซบุ๊กของศูนย์ เพื่อสื่อสารแบบ 2 ทางกับประชาชน ทั้งการรับแจ้งข่าวปลอม/ข้อมูลเท็จ และชี้แจงข้อมูลถูกต้องที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันแล้วจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้นๆ ช่องทางสื่อสารเหล่านี้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน อีกทั้งสามารถดูย้อนหลังได้สำหรับข่าวที่มีการยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว สามารถเอาไปแชร์ต่อ ช่วยกันเป็นเครือข่ายในการขยายผลได้ ดังนั้นน่าจะได้รับความนิยมจากผู้แจ้งข้อมูล และนำข้อมูลที่ถูกต้องไปแชร์ต่อในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
“ตั้งเป้าความรวดเร็วในการตรวจสอบข่าวปลอม และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง จะทำได้ในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง และภายใน 3 เดือนแรกของการจัดตั้งศูนย์ จะตรวจสอบยืนยันให้ได้ภายใน 1 – 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะมีการขอรายชื่อบุคคลที่ติดต่อได้ อย่างน้อย 2 คน ที่สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากทุกหน่วยงานราชการ เพื่อร่วมยืนยันข้อมูลในเบื้องต้น เชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ปิดจุดอ่อนปัญหาเฟคนิวส์ จากเดิมที่กว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อจะชี้แจงต้องใช้เวลาเป็นวัน ซึ่งความเสียหายผ่านโซเชียลแพร่กระจายไปแล้ว” พุทธิพงษ์ กล่าว พร้อมระบุว่ามีการหารือเบื้องต้นกับบริษัท ไลน์ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือที่ศูนย์แห่งนี้จะมีการเปิดไลน์ ออฟฟิเชียล เพื่อให้สามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมากหลักล้านคน เพิ่มประสิทธิภาพในการรับแจ้งข้อมูลข่าวปลอม ซึ่งผู้บริหารของไลน์ ก็ยินดีที่จะสนับสนุน เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมใช้งานจากคนไทยอย่างมาก และที่ผ่านมามีข่าวปลอมแพร่กระจายผ่านช่องทางนี้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการทำงานร่วมกันจะเป็นประโยชน์ได้ทั้ง 2 ฝ่าย
พุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงดีอี ตั้งเป้าว่าการจัดตั้งศูนย์จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมกับเปิดช่องทางเว็บไซต์ ไลน์ และเพจเฟซบุ๊กของศูนย์ เพื่อสื่อสารแบบ 2 ทางกับประชาชน ทั้งการรับแจ้งข่าวปลอม/ข้อมูลเท็จ และชี้แจงข้อมูลถูกต้องที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันแล้วจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้นๆ ช่องทางสื่อสารเหล่านี้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน อีกทั้งสามารถดูย้อนหลังได้สำหรับข่าวที่มีการยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว สามารถเอาไปแชร์ต่อ ช่วยกันเป็นเครือข่ายในการขยายผลได้ ดังนั้นน่าจะได้รับความนิยมจากผู้แจ้งข้อมูล และนำข้อมูลที่ถูกต้องไปแชร์ต่อในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
“ตั้งเป้าความรวดเร็วในการตรวจสอบข่าวปลอม และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง จะทำได้ในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง และภายใน 3 เดือนแรกของการจัดตั้งศูนย์ จะตรวจสอบยืนยันให้ได้ภายใน 1 – 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะมีการขอรายชื่อบุคคลที่ติดต่อได้ อย่างน้อย 2 คน ที่สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากทุกหน่วยงานราชการ เพื่อร่วมยืนยันข้อมูลในเบื้องต้น เชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ปิดจุดอ่อนปัญหาเฟคนิวส์ จากเดิมที่กว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อจะชี้แจงต้องใช้เวลาเป็นวัน ซึ่งความเสียหายผ่านโซเชียลแพร่กระจายไปแล้ว” พุทธิพงษ์ กล่าว
พุทธิพงษ์ กล่าวว่า มีการหารือเบื้องต้นกับบริษัท ไลน์ เพื่อหาแนวทางความร่วมมือที่ศูนย์แห่งนี้จะมีการเปิดไลน์ ออฟฟิเชียล เพื่อให้สามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมากหลักล้านคน เพิ่มประสิทธิภาพในการรับแจ้งข้อมูลข่าวปลอม ซึ่งผู้บริหารของไลน์ ก็ยินดีที่จะสนับสนุน เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมใช้งานจากคนไทยอย่างมาก และที่ผ่านมามีข่าวปลอมแพร่กระจายผ่านช่องทางนี้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการทำงานร่วมกันจะเป็นประโยชน์ได้ทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับประเด็นการจัดการกับข่าวปลอมนั้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุผ่านสำนักข่าวต่างประเทศว่ามีพรรคการเมืองตั้งใหม่ที่พยายามให้ความรู้โดยใช้โฆษณาชวนเชื่อและข่าวปลอมกับวัยรุ่นไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม ประชาไท เคยรายงานปรากฏการณ์ข่าวปลอมประมาณ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา มีตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น ข่าว
- ฟ้องกันไปมา : 'ช่อ' ฟ้อง 'ปารีณา' หมิ่นประมาท ย้ำไม่หวังถึงขั้นคุก ด้าน 'ปารีณา' ฟ้องสวนปมเเถลงข่าวใส่ร้าย (อ่านข่าว https://prachatai.com/journal/2019/08/83757)
- #เนชั่นโป๊ะแตก ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ หลังมีคนแฉ 'กนก' เปิดคลิปตัดต่อเสียงเหมือน 'ทักษิณ-ธนาธร' (อ่านข่าว https://prachatai.com/journal/2019/03/81590)
- คาถาแยกเงาพันร่าง : พบผู้ฟังเวทีปราศรัย 'พลังประชารัฐ' แยกร่างหลายคนจนแน่นขนัด (อ่านข่าว https://prachatai.com/journal/2019/03/81585)
- 'ธนาธร' จ่อดำเนินการทางกฎหมาย หลังเพจ 'เดรัจฉานนิวส์' ทำข่าวปลอมปมวัดตีระฆัง (อ่านข่าว https://prachatai.com/journal/2018/10/78995) เป็นต้น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)